จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อสังหาฯ ภูเก็ตโอด ผลกระทบผังเมืองใหม่

อสังหาฯ ภูเก็ตโอด ผลกระทบผังเมืองใหม่
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 54 ที่ห้องประชุมภูเก็ต แกรนด์ บอลรูม โรงแรมรอยัลภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงวิชาการ หัวข้อ “เจาะลึกผังเมืองรวม จังหวัดภูเก็ต ปี 54” ซึ่งทางสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต จัดขึ้น เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายผังเมืองรวมจังหวัดภูเก็ต ปี พ.ศ.2554 ซึ่งประกาศเป็นกฎกระทรวง โดยมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งมีระยะเวลาการบังคับใช้ 5 ปี โดยจะไปสิ้นสุดในวันที่ 6 กรกฎาคม 2559 เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้นำความรู้ต่างๆ ไปปรับใช้กับกิจการงานที่เกี่ยวข้องในโอกาสต่อไป โดยมี ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้สาระสำคัญการเปลี่ยนแปลงระหว่างผังเมืองรวมเกาะภูเก็ต ปี 2548 กับผังเมืองรวมจังหวัดภูเก็ต ปี 2554 สรุป คือ มีการเพิ่มประเภทสีของพื้นที่ จากเดิม 13 ประเภท เป็น 16 ประเภท ที่เพิ่มใหม่ 3 ประเภท ได้แก่ สีฟ้า ประเภทที่โล่งเพื่อรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว และการประมง สีฟ้ามีเส้นทแยงสีขาว ประเภทที่โล่งเพื่อนันทนาการ และการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเล และสีฟ้ามีกรอบและเส้นทแยงสีน้ำตาล ประเภทอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเล นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดข้อกำหนดการใช้ประโยชน์พื้นที่ด้วย
นายธนันท์ ตัณฑ์ไพบูลย์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยผังเมืองเดิมซึ่งประกาศใช้เมื่อปี 2548 ได้หมดอายุลงเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา และก่อนหน้านี้ได้มีการต่ออายุการบังคับใช้ออกไป 2 ปี เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดทำผังเมืองใหม่ แต่ปรากฏว่าใช้ไปได้ประมาณปีเศษ ก็มีการประกาศใช้ผังเมืองใหม่ คือ ผังเมืองจังหวัดภูเก็ต โดยมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งมีประเด็นที่เป็นข้อสงสัยและถกเถียงกันอย่างกว้างขวางของคนในพื้นที่ เพราะในรายละเอียดของผังเมืองใหม่นั้นดูเหมือนว่าจะทำให้การขยายตัวทางด้านการเจริญเติบโตของธุรกิจช้าไปหรือไม่
“แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาภูเก็ตจะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง แต่การท่องเที่ยวก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โตตามไปด้วย ดังนั้นการกำหนดพื้นที่ในโซนสีต่างๆ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงจะไปส่งผลให้การเติบโตช้าลงหรือไม่ และในบางประเด็นที่ประกาศใช้นั้นจะไดรอนสิทธิของประชาชนหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีการพูดคุยกัน เช่น บางพื้นที่เดิมซึ่งสามารถจัดสรรได้ แต่เมื่อมีประกาศใช้กฎหมายใหม่ไม่สามารถดำเนินการได้ ปัญหาการใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อทำกิจการรอง ซึ่งมีการคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ใครทำก่อนย่อมสามารถดำเนินการแต่คนทำทีหลังหมดสิทธิ เป็นต้น”
นายธนันท์ กล่าวด้วยว่า จากการที่ได้พูดคุยหารือกับผู้บริหารของกรมโยธาธิการและผังเมืองซึ่งบอกว่ากฎหมายเมื่อมีปัญหาสามารถที่จะแก้ไขได้ แต่ส่วนตัวมองว่ากระบวนการในการแก้กฎหมายนั้นช้ามาก ดังนั้นจุงอยากฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ในการออกกฎหมายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่นนั้นควรที่จะมีการบูรณาการร่วมกัน โดยจะต้องมีการเชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มมาร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
อย่างไรก็ตามต้องบอกว่าสำหรับภูเก็ตที่ผ่านมานั้นการเติบโตทางเศรษฐกิจจะเป็นไปแบบธรรมชาติและตามดีมานท์ซับพลายซึ่งจะขึ้นกับการท่องเที่ยวเป็นหลัก และที่ผ่านมาก็จะเป็นลักษณะของการเติบโตและชะลอเป็นระยะๆ ขึ้นกับปัจจัยที่มากระทบ เนื่องจากท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่อ่อนไหวง่าย จึงเชื่อว่าการเติบโตของภูเก็ตจะไม่เป็นลักษณะแบบก้าวกระโดด ซึ่งในการนำผังเมืองมาบังคับใช้นั้นเป็นเรื่องที่ดีในการที่จะควบคุมการเติบโต แต่ขณะเดียวกันก็ควรที่จะให้คนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการนำเสนอความคิดเพื่อให้เป็นไปตามสถานการณ์ที่แท้จริง

พัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวภูเก็ต

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 54 ที่ห้องประชุมแววราไวย์ โรงแรมเมโทรโพลภูเก็ต นายสรธรรม จินดา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) เป็นประธานเปิด โครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต หลักสูตร “การจัดทำคู่มือความปลอดภัยในสถานประกอบการ” โดยมีผู้บริหาร หัวหน้างาน และพนักงานระดับปฏิบัติการที่กำลังจะได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (คปอ.) ในสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยว เข้าร่วมจำนวนประมาณ 50คน
นายสรธรรมกล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตนอกจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความสวยงามทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีแล้ว การบริการที่ดีก็เป็นจุดขายที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงในตลาดท่องเที่ยวโลก นอกจากการบริการที่ดีแล้ว ความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญที่ นักท่องเที่ยวต้องได้รับจากการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อสร้างความประทับใจและเกิดแรงจูงใจในเดินทางกลับมาท่องเที่ยวยังจังหวัดภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบุคลากรทางด้านการท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการสร้างความประทับใจนั้นแก่นักท่องเที่ยว
“การจัดฝึกอบรมหลักสูตรดังกล่าว เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ ในการบริหารจัดการของคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้ได้ทราบถึงแนวทางในการจัดการเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น และจะได้นำความรู้ที่ได้รับไปฝึกอบรมพนักงานให้สามารถปฏิบัติตนได้ถูกต้องตามขั้นตอนกระบวนการเมื่อเกิดเหตุภัยต่างๆ ในสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยว อันจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่จะส่งผลให้การบริหารงานของผู้ประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล บรรลุตามเป้าหมายแห่งการให้บริการที่ดีที่สุด และสามารถแข่งขันกับประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการท่องเที่ยวและยืนอยู่ในตลาดการท่องเที่ยวโลก”
นายสรธรรม กล่าวด้วยว่า ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งทาง อบจ.ภูเก็ต ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากภูเก็ตจะมีความสวยงามเรื่องของหาดทรายชายทะเลและทรัพยากรที่มีชื่อเสียงในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะต้องมีควบคู่กันไปด้วย คือ ความปลอดภัยทั้งภัยจากธรรมชาติ ภัยจากการกระทำของมนุษย์ ภัยจากการก่อความร้าย ภัยความไม่สงบทางการเมือง ดังนั้นหากภูเก็ตมีความปลอดภัยจากภัยต่างๆ ดังกล่าว หรือมีแผนการรองรับที่ดีก็จะส่งผลดีในการสร้างความเชื่อมั่น ทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางเข้ามาเที่ยวเพิ่มมากขึ้น


ความต้องการแรงงานของธุรกิจโรงแรม


เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 54 ที่ห้องประชุมสำนักกิจ ชั้น 5 มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต รศ.สมชาย สกุลทับ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต เป็นประธานเปิดสัมมนา เรื่อง ความต้องการแรงงานของธุรกิจโรงแรมในอนาคต ซึ่งโปรแกรมวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จัดขึ้น โดยมีตัวแทนจากสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนสถานประกอบการ นักศึกษาโปรแกรมวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต นักศึกษาโปรแกรมวิชาการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ตและนักศึกษาโปรแกรมวิชาธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม วิทยาลัยเทคนิคถลาง เข้าร่วม
น.ส.นุชนาถ ชัยพลเดช นักศึกษาชั้นปีที่ 4 โปรแกรมวิชาการจัดการท่องเที่ยวและบริการ สาขาวิชาการโรงแรม ประธานจัดโครงการฯ กล่าวว่า ด้วยโปรแกรมวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ได้อนุมัติให้จัดโครงการสัมมนาวิชาการ เรื่อง ความต้องการแรงงานของธุรกิจโรงแรมในอนาคต เพื่อศึกษาแนวโน้มการจ้างงานและตลาดแรงงานของธุรกิจโรงแรม ร่วมกันวิเคราะห์คุณสมบัติของแรงงานที่เป็นที่ต้องการของธุรกิจโรงแรม และสร้างความตระหนักให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนาในการพัฒนาและปรับปรุงศักยภาพแรงงานให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจโรงแรมในอนาคต ทั้งนี้คาดว่าเมื่อเสร็จสิ้นการสัมมนาแล้วจะทำให้ผู้เข้าร่วมได้รับทราบถึงแนวโน้มการจ้างงานและตลาดแรงงานของธุรกิจโรงแรม ได้รับทราบถึงคุณสมบัติของแรงงานให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจโรงแรมในอนาคต รวมทั้งยังจะทำให้รับทราบถึงการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาและปรับปรุงศักยภาพให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจโรงแรมในอนาคต
อย่างไรก็ตามนายพ่วง สองนาม ตัวแทนจากสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต กล่าวตอนหนึ่งของการสัมมนาว่า ด้วยภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว ธุรกิจส่วนใหญ่จึงเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวความต้องการแรงงานด้านการท่องเที่ยวและบริการก็จะมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในแต่ฤดูกาลจะมีความต้องการเพิ่มไม่ต่ำกว่า 3,000 – 4,000 ตำแหน่ง ดังนั้นในส่วนของแรงงานเองก็จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2558 ซึ่งจะมีจะการเปิดประชาคมอาเซียน ซึ่งก็จะมีการหลั่งไหลของแรงงานในกลุ่มประเทศอาเซียนเข้ามาทำงานด้านการบริการมากขึ้น และในหลายประเทศค่อนข้างได้เปรียบในด้านภาษา ดังนั้นจำเป็นที่แรงงานไทยจะต้องมีการปรับตัว โดยเฉพาะด้านภาษาซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถแข่งขันได้


อบรมเทคนิคสร้างพลังชีวิตเพื่อสุขภาพ


เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2554 ที่ห้องประชุมมะฮอกกานี โรงเรียนสตรีภูเก็ต อ.เมืองภูเก็ต นายชวลิต ณ นคร รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเทคนิคสร้างพลังชีวิตเพื่อสุขภาพ โดยเทคนิคเต้าเต๋อซิ่นซี ครั้งที่ 2 โดยมีนางอุไรรัตน์ อติเศรษฐ์ ประธานชมรมเต้าเต๋อซิ่นซีภูเก็ต นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ เกิดวงศ์บัณฑิต นายวัชรินทร์ ปฐมวัฒนพงศ์ รองปลัด อบจ.ภูเก็ต ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ อบจ.ภูเก็ต สมาชิกชมรมเต้าเต๋อซิ่นซีภูเก็ต แขกผู้มีเกียรติและนักเรียนจากสถาบันต่างๆ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้นางอุไรรัตน์ อติเศรษฐ์ ประธานชมรมเต้าเต๋อซิ่นซีภูเก็ต ได้กล่าวว่า โครงการฝึกอบรมเทคนิคสร้างพลังชีวิตเพื่อสุขภาพ โดยเทคนิคเต้าเต๋อซิ่นซี แบ่งการฝึกอบรมออกเป็น 2 รุ่น ครอบคลุมทุกอำเภอ สำหรับการฝึกอบรมในครั้งนี้ มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 1,000 คน ในระหว่างวันที่ 20 – 21 สิงหาคม 2554 โดยมีกิจกรรมสาธิตพร้อมฝึกปฏิบัติ เต้นรำเต้าซิ่น กายบริหารเต้าซิ่น รำมวยเต้าซิ่น พัฒนาซอฟแวร์สมองซีกขวา และการนั่งสมาธิสลายภัยพิบัติ เป็นต้น โดยได้รับเกียรติจากคณะวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายด้วยเทคนิคเต้าเต๋อซิ่นซีโดยเฉพาะ เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดภูเก็ตที่เข้ารับการฝึกอบรมได้รับความรู้ ความเข้าใจในการฝึกปฏิบัติการออกกำลังกาย และสามารถถ่ายทอดให้แก่สมาชิกในครอบครัวและชุมชนได้ ซึ่งการออกกำลังกายโดยเทคนิคเต้าเต๋อซิ่นซี เป็นเทคนิคการออกกำลังกายโดยใช้หลักสมาธิในการเคลื่อนไหวร่างกาย มีลีลาที่สงบเสงี่ยมและมีข้อเด่นคือ เรียบง่าย กะทัดรัด สามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง ประโยชน์ที่ผู้ปฏิบัติจะได้รับคือ เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง เลือดลมไหลเวียนดี และสามารถพัฒนาการทำงานของสมองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านนายชวลิต ณ นคร รองนายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า โครงการฝึกอบรมเทคนิคสร้างพลังชีวิตเพื่อสุขภาพโดยเทคนิคเต้าเต๋อซิ่นซีนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 จนถึงปัจจุบัน ใช้งบประมาณไปแล้วทั้งสิ้น 1,316,530 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในการฝึกปฏิบัติการออกกำลังกาย ให้ประชาชนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ อันเป็นการดำเนินการพัฒนาด้านสาธารณสุขของพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ต ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ของ อบจ.ภูเก็ต โดยเทคนิคเต้าเต๋อซิ่นซี จะนำไปสู่การสร้างสรรค์สังคมที่สงบสุข ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของ อบจ.ภูเก็ต ที่จะพัฒนาจังหวัดภูเก็ตให้เป็น “เมืองน่าอยู่ คู่คุณธรรม” ดังนั้น จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การฝึกอบรมในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านในการที่นำความรู้ ความเข้าใจและทักษะต่างๆ ที่ได้จากการฝึกอบรมไปปฏิบัติและถ่ายทอดให้กับสมาชิกในครอบครัวและชุมชนได้


วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

“584 ดวงใจ นวดไทย เทิดไท้องค์ราชันย์”

“584 ดวงใจ นวดไทย เทิดไท้องค์ราชันย์”
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2554 ที่บริเวณชายหาดกะตะ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิด งาน “ 584 ดวงใจ นวดไทย เทิดไท้องค์ราชันย์” ตามโครงการ World Record For Thai Massage ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับผู้ประกอบการสปาใน จ.ภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้น มีผู้นวดและผู้ถูกนวดทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วม จำนวน 584 คู่ โดยจัดให้มีการนวดบ่า คอและไหล่ เป็นเวลาประมาณ 30 นาที ตลอดแนวชายหาดกะตะ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
ทั้งนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนประชาสัมพันธ์โครงการมหกรรม WORLD RECORD FOR THAI MASSAGE หรือมหกรรมนวดไทยบันทึกสถิติโลก 840 คู่ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะจัดขึ้นในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพของเอเชียหรือเมดิคัลฮับ รวมทั้งเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของการนวดและสปาไทย
นพ.สมชัย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพมีภารกิจหลักในการส่งเสริมธุรกิจการนวดไทยและธุรกิจสปาไทยให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยร่วมมือกับกระทรวง ทบวง กรมและหน่วยงานต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยยกระดับมาตรฐานของธุรกิจบริการสุขภาพไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกได้ จึงจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญเพื่อสร้างกระแสการนวดไทย ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น ภายใต้ชื่องาน “มหกรรม 584 ดวงใจนวดไทยเทิดไท้องค์ราชันย์”
เพื่อเป็นการประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ศักยภาพของหมอนวดไทยในจังหวัดภูเก็ตว่า ไม่ด้อยกว่าชาติใดในโลก ซึ่งมีการนวดแบบผสมผสานระหว่างธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ของภาคใต้อย่างลงตัว ทั้งนี้การจัดนวดไทยบันทึกสถิติโลกได้จัดมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกที่ จ.เชียงใหม่ จำนวน 199 คู่ ครั้งที่ 2 จ.อุบลราชธานี จำนวน 2,784 คู่ ครั้งที่ 3 จ.ภูเก็ต 584 คู่ ครั้งที่ 4 เกาะสมุย (จ.สุราษฏร์ธานี) และครั้งสุดท้ายที่กรุงเทพมหานคร นพ.สมชัยกล่าว
อย่างไรก็ตามในระหว่างวันที่ 19-21 สิงหาคมนี้ สำนักงานสาธารสุขจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกลุ่มจังหวัดอันดามัน ประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรังและระนอง ยังได้จัดมหกรรมอันดามันเฮลแอนด์เวลเนส ปี 2554 หรือ Andaman Health and Wellness Festivel 2011 ขึ้น ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง จ.ภูเก็ต เพื่อแสดงถึงศักยภาพของกลุ่มอันดามันในการรองรับนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากทั่วโลก เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และคุณภาพทางวิชาการของงานธุรกิจบริการสุขภาพ พัฒนาความร่วมมือของเครือข่ายธุรกิจบริการสุขภาพ ได้แก่ สถานพยาบาล สปา และการนวดเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์สุขภาพ สมุนไพร รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้มีขีดความสามารถการแข่งในระดับโลก

นอกจากนี้ยังจะมีการจัดประชุมวิชาการ ธุรกิจบริการสุขภาพอันดามัน สานฝันสู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ที่โรงแรมป่าตองรีสอร์ท โดยมีการบรรยาย เรื่อง การเปิดเสรีทางการค้า ภายใต้ AFTA กับการปรับตัวสู่ ACE วิกฤตหรือ โอกาสต่อธุรกิจบริการสุขภาพผู้ประกอบการต้องเตรียมตัวอย่างไร , มาตรฐานบริการด้านสุขภาพ ระดับสากล และระบบสารสนเทศ RAMA Vista โปรแกรมการเก็บข้อมูล Electronic Medical Record

เปิดที่ทำการชมรมเต้าเต๋อซิ่นซีภูเก็ต

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 54 ที่ทำการชมรมเต้าเต๋อซิ่นซี ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดที่ทำการชมรมเต้าเต่อซิ่นซีภูเก็ต ตั้งอยู่เลขที่ 55/903 ซอย 3 ภูเก็ตวิลล่าดาวรุ่ง ถ.เจ้าฟ้า ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งมีนางนลินี อัครเดชา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต นางอุไรรัตน์ อติเศรษฐ์ ประธานชมรมเต้าเต๋อซิ่นซีภูเก็ต พร้อมด้วยสมาชิกชมรมฯ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้นางอุไรรัตน์ อติเศรษฐ์ ประธานชมรมเต้าเต๋อซิ่นซีภูเก็ต ได้กล่าวว่า ชมรมเต้าเต๋อซิ่นซีภูเก็ต มีจุดเริ่มมาจากจุดรำมวยเต้าซิ่นซี เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2552 และได้มีการรวมตัวกันจัดตั้งเป็นชมรมเต้าเต๋อซิ่นซีภูเก็ตขึ้นอย่างไม่เป็นทางการในเดือนตุลาคม 2552 และได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จัดอบรมเทคนิคเต้าเต๋อซิ่นซี และอธิษฐานจิตสลายภัยพิบัติ ครั้งแรกเมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2552 มีผู้เข้าร่วมอบรมประมาณ 400 คน
จากนั้นก็มีผู้สนใจตามมาฝึกที่จุดรำมวยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมจุดละร้อยกว่าคน หลังจากนั้นก็ได้มีการจัดกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากการรำมวยเต้าซิ่นซีแล้ว ยังได้มีการจัดกิจกรรมบ่มเพาะคุณธรรมสร้างเสริมสติปัญญาแก่เยาวชน เช่น การจัดค่ายยุวชนเต้าซิ่นแก่สามเณร และธรรมจารีภาคฤดูร้อน 70 คน ที่เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี การจัดค่ายยุวชนแก่เด็กที่สถานพินิจภูเก็ต ค่ายยุวชนพัฒนาตน พัฒนาจิต เสริมคุณธรรม และสติปัญญา แก่เด็กนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย และโรงเรียนสตรีภูเก็ต เป็นต้น รวมทั้งยังได้มีการเผยแพร่ความรู้ วิธีการรักษาสุขภาพกายและจิตให้แก่ผู้ที่สนใจ ทั้งในภาครัฐ เอกชน ชุมชน ชมรม วัด โรงเรียน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมศึกษาและปฏิบัติเป็นจำนวนมาก
โดยทางชมรมฯ ได้รับการอนุเคราะห์อาคาร 2 หลังจากคุณแก้วตา อุปัติศฤงค์ รองประธานชมรมฯ ให้เป็นที่ทำการชมรมฯ เพื่อเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ในการเผยแพร่เทคนิคเต้าเต๋อซิ่นซีภูเก็ต ให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง และมีความผาสุกอย่างยั่งยืน เป็นศูนย์รวมของชาวเต้าเต๋อซิ่นซีภูเก็ตที่จะพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และร่วมทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ร้องเพลงเต้าซิ่น รำมวย ทำกายบริหาร นั่งสมาธิ เป็นห้องสมุด เป็นต้น โดยจะเปิดทำการทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 13.00-16.00 น.ส่วนกิจกรรมวันอาทิตย์ ซึ่งจะมีการพบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจใน เทคนิคเต้าเต๋อซิ่นซี จะมีชาวเต้าซิ่นมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมากที่ทำการชมรมฯ ไม่สามารถรองรับได้ จะไปจัดที่สโมสรศิษย์เก่าโรงเรียนภูเก็ตไทยหัวแทน
นางอุไรรัตน์ ได้กล่าวถึงเจตนารมณ์ของชมรมเต้าเต๋อซิ่นซีภูเก็ต ว่า ไม่เพียงจะเผยแพร่เทคนิคเต้าเต๋อซิ่นซีให้คนภูเก็ตมีสุขภาพกายและจิตที่แข็งแรง ยังมีความปรารถนาเผยแพร่เต้าเต๋อซิ่นซีให้ทั่วภาคใต้ ให้ภาคใต้มีความสงบสุข เพราะเทคนิคเต้าเต๋อซิ่นซี ไม่ใช่การฝึกเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอย่างเดียว แต่เป็นการฝึกจิตใจโดยนำหลักปรัชญาจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิงมาใช้ในการดำเนินชีวิต ให้ทุกคนมีจิตรักเมตตา ไม่ถือโทษโกรธใคร ให้อภัย อ่อนน้อมถ่อมตน สำนึกบุญคุณ กตัญญูรู้คุณ สร้างบุญกุศล ทำเพื่อมวลมหาชนโดยไม่หวังผลตอบแทน หากทุกคนมีจิตที่เป็นคุณธรรมเหล่านี้ ครอบครัว สังคมก็จะสงบสุข ทั้งนี้ชมรมฯ จะจัดงานรวมพลังรวมใจอธิษฐานจิตสลายภัยพิบัติต่อไปอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าจิตแห่งความรักของทุกคนในสังคม จะสามารถคุ้มครองโลกของเราให้รอดพ้นจากภัยพิบัติได้

ทน.ภูเก็ตร่วมเอกชนจัดโครงการรักชุมชน รักษ์สิ่งแวดล้อม


เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 54 ที่บริเวณปากซอยรมณีย์ ถนนถลาง อ.เมือง ภูเก็ต นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นประธานในการมอบถังขยะ พร้อมด้วยถุงขยะให้กับชุมชนย่านเมืองเก่าถนนถลาง อ.เมือง ภูเก็ต ตามกิจกรรม “รักชุมชน รักษ์สิ่งแวดล้อม” ภายใต้โครงการลดและแยกขยะมูลฝอยจากแหล่งกำเนิด 2554 ซึ่งจัดโดยเทศบาลนครภูเก็ตร่วมกับสโมสรโรตารี่ภูเก็ตเซาท์ นำโดยนางสุชนา เฉลิมเติม นายกสโมสรโรตารี่ภูเก็ตเซาท์ คณะกรรมการชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ตและมูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ต และประชาชนในย่านการค้าเมืองเก่า ถนนถลาง ภูเก็ตเข้าร่วม
ทั้งนี้ นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ได้กล่าวว่า จากการที่เทศบาลนครภูเก็ตได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนถลางให้มีความสวยงาม และส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตเมือง ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เข้ามาท่องเที่ยวถนนถลางมากขึ้น เป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชน ดังนั้น การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชนจึงเป็นเรื่องที่ชุมชนต้องตระหนักและให้ความสำคัญ เทศบาลนครภูเก็ตจึงได้ร่วมกับสโมสรโรตารี่ภูเก็ตเซาท์ ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ตและมูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ต ร่วมกันจัดกิจกรรมรักชุมชน รักษ์สิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการลดและแยกขยะมูลฝอยจากแหล่งกำเนิด 2554 โดยคัดเลือกชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต และซอยรมณีย์ เป็นชุมชนนำร่อง
สำหรับในระยะเริ่มแรกของโครงการนั้น จะให้เจ้าของบ้านบริเวณถนนถลางและซอยรมณีย์ ซึ่งประกอบด้วยบ้านพักอาศัยและร้านค้าขายทั่วไปประมาณ 155 หลัง ร้านอาหารประมาณ 15 ร้าน ช่วยกันคัดแยกขยะ 3 ประเภท ได้แก่ ขยะเปียก ขยะทั่วไป และขยะอันตราย โดยทางสโมสรโรตารี่ภูเก็ตเซ้าท์ จะแจกถุงใส่ขยะ ชนิดแยกเป็นสีให้กับเจ้าของบ้านและร้านค้าทั่วไป (ถุงย่อยได้) ส่วนร้านอาหารจะแจกถังขยะ ขนาดจุประมาณ 100 ลิตร พร้อมถุงดำ และในส่วนขยะมูลฝอยที่รีไซเคิลได้นั้นทางเจ้าของบ้านแต่ละบ้านได้ทำการคัดแยกอยู่แล้ว ส่วนขยะอันตราย ประเภท ถ่ายไฟฉาย แบตเตอรี่มือถือ สามารถนำไปแลกยาตามร้านขายยา ที่เข้าร่วมโครงการขยะอันตรายแลกยาได้
ในส่วนของการจัดเก็บขยะบริเวณพื้นที่ดังกล่าวนั้น ทางเทศบาลจะจัดรถเข้าไปเก็บขนขยะให้ทุกวัน ในเวลา 20.00 น. สำหรับขยะจากร้านอาหารที่ปิดหลังเที่ยงคืน จะจัดรถเก็บขนขยะในเวลา 08.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ส่วนขยะอันตรายจะเก็บเดือนละ 1 ครั้ง ดังนั้น จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ตให้นำถุงบรรจุขยะ/ถังขยะ วางไว้ที่หน้าบ้านของตนเอง เพื่อรอรถมาเก็บขนต่อไป และไม่ควรนำถุงขยะ/ถังขยะมาวางบนทางเท้าหรือบนถนน เพราะจะเป็นภาพที่ไม่สวยงาม
นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวอีกว่า ปัยจัยสำคัญที่จะทำให้โครงการลดและแยกขยะมูลฝอยจากแหล่งกำเนิดประสบผลสำเร็จได้นั้น จะต้องเกิดจากการมีส่วนร่วมและเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของโครงการอย่างแท้จริงของชุมชน ในการช่วยกันลดปริมาณขยะ และช่วยกันคัดแยกขยะก่อนที่จะทิ้งต่อไป

60 หมู่บ้านรับพระราชทานกองทุนแม่ของแผ่นดิน


เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ตหลังใหม่ นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประธานพิธีพระราชทานกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดภูเก็ต ปี 2554 โดยมีผู้แทนหมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผนดิน จำนวน 60 กองทุน ใน 3 อำเภอ ร่วมรับพระราชกองทุนแม่ของแผ่นดินฯ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีนายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายขันตี ศิลปะ นายอำเภอกะทู้ ดร.ประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ และข้าราชการเกี่ยวข้องร่วมในพิธี
นายตรี กล่าวให้โอกวาทแก่ผู้แทนหมู่บ้าน/ชุมชนที่เข้ารับพระราชทานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ทั้ง 60 กองทุน ว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(สนง.ป.ป.ส.) ได้เรียนเชิญ ผู้ว่าราชการจังหวัด/ผอ.ศตส.จ.เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพิธีพระราชทานกองทุนแม่ของแผ่นดิน และเป็นผู้แทนเข้ารับพระราชทานเงินกองทุนแม่ของแผ่นดิน เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เพื่อนไปมอบให้กับผู้แทนหมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดิน ให้เสริมสร้างความเข้มแข็งในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนในเกิดความยั่งยืน และเพื่อให้สมพระเกียรติพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี ตลอดจนเป็นไปตามแนวทางการดำเนินการกองทุนแม่ของแผ่นดินที่กำหนด
จุดเริ่มต้นของโครงการหมู่บ้าน-ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดินมาจากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ได้ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนหนึ่งให่แก่เลขาธิการ ป.ป.ส.เพื่อให้แก่ราษฎรอาสาป้องกันภัยยาเสพติดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อปี พ.ศ.2547 ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อราษฎร ปวงชนชาวไทย รวมทั้งทรงห่วงใยต่อปัญหายาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส.จึงได้นำพระรทรัพย์ส่วนพระองค์ดังกล่าวมาสมทบกับงบประมาณของ สำนักงาน ป.ป.ส.จัดทำเป็นกองทุนเพื่อให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชนที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เรียกชื่อว่า “กองทุนแม่ของแผ่นดิน” ซึ่งเป็นโครงการที่มีจิตวิญญาณของความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
นายตรี กล่าวอีกว่า อุดมการณ์ “กองทุนแม่ของแผ่นดิน” คือ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนเชิงคุณภาพ โดยการรวมพลังของชุมชนร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยจิตใจที่พึ่งพาตนเอง ฟื้นฟูทุนทางสังคมของหมู่บ้าน/ชุมชน ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ตามสภาพของสังคม วัฒนธรรม ในแต่ละพื้นที่ ยึดโยงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คน เป็นส่วนสำคัญให้กองทุนแม่ของแผ่นดินเพิ่มพูนขึ้นด้วยศรัทธาและปัญญาของชุมชน หล่อหลอมความคิด อุดมการณ์ร่วมของชุมชนเป็นหนึ่งเดียว และพัฒนาไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ครอบคลุมทุกด้านของสังคม จึงเป็นสิ่งสมควรที่หมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดิน ต้องถือปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวอย่างจริงจัง หมู่บ้าน/ชุมชนเกิดจิตสำนึกร่วมกันเพื่อสนองพระราชปณิธาน ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ยั่งยืน


ตม.ภูเก็ตรวบอเมริกันฉ้อโกงกว่า 1.2 ล้าน US


เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2554 ที่ห้องประชุมสำนักงานด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต (ตม.ภูเก็ต) พ.ต.อ.ภาณุวัฒน์ ร่วมรักษ์ ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.กฤษฎากรณ์ กลิ่นเกสร รอง ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต พร้อมชุดจับกุมได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายโรเจอร์ เอ มิลเลอร์ (Roger A Miller) อายุ 59 ปี สัญชาติอเมริกา ตามหมายจับของศาลรัฐฟอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีพฤติกรรมฉ้อโกง ได้ที่บ้านเลขที่ 94/23 บ้านเก็ตโฮ่ ต.ทุ่งทอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยได้มีการกักตัวไว้และประสานกับสถานทูตสหรัฐอเมริกา เพื่อผลักดันส่งกลับและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้พ.ต.อ.ภาณุวัฒน์ กล่าวว่า ด้วย พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีนโยบายในการปฏิบัติงานเรียกโดยย่อ 3S ได้แก่ Service mind คือ การมีหัวใจในการให้บริการ Standard คือ การบริการที่เป็นมาตรฐานตามหลักสากล และ Security คือ มุ่งเน้นความมั่นคงของประเทศชาติและความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงได้มีศูนย์หมายจับอาชญากรรมข้ามชาติ ณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู กรุงเทพมหานคร และมีการขยายการดำเนินการออกไปยังเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ที่สำคัญ อาทิ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น โดยศูนย์ฯ จะเป็นเสมือนจุดศูนย์กลางในการบริหารจัดการ ติดตาม รวบรวมข้อมูล และเป็นจุดประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศ
โดยในการจับกุมนายโรเจอร์ เอ มิลเลอร์ นั้นสืบเนื่องจากเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยพล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 และตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ได้รับการประสานจากกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว ด้วยมีหมายจับของทางการสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีพฤติกรรมฉ้อโกง กล่าวคือ ระหว่างปี ค.ศ. 2006-2009 จากการที่เขาได้เปิดบริษัททำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชื่อ RAMA LAMA และได้เสนอให้มีผู้มาลงทุนหรือซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยโดยให้ผลตอบแทนสูง แต่เมื่อมีผู้มาลงทุนแล้ว กลับไม่ได้รับสินค้าหรือผลตอบแทนตามที่ตกลงไว้ โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 10 ราย ความเสียหายกว่า 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ตได้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกของนายโรเจอร์ เอ มิลเลอร์ พบว่ามีการเดินทางเข้าประเทศไทยครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ได้รับการตรวจลงตราประเภท ผ.30 ต่อมาได้ยื่นคำร้องขออยู่ในราชอาณาจักร ประเภท Retirement ได้รับอนุญาตอยู่ถึงวันที่ 8 กรกฎาคม 2555 จึงได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักร เนื่องจากเป็นผู้มีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าเป็นภัยต่อสังคม หรือเป็นอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ