จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อบจ.ภูเก็ต จัดงานต้อนรับฮิจเราะห์ศักราช 1432


เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 ที่โรงเรียนมุสลิมวิทยาภูเก็ต ต.เกาะแก้ว อ.เมือง ภูเก็ต นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “ต้อนรับฮิจเราะห์ศักราช 1432” โดยมีนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) คณะผู้บริหาร นายบำรุง สำเภารัตน์ ประธานคณะกรรมอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต นายทวิชาติ อินทรฤทธิ์ วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นายมาโนช พันธ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล แขกผู้มีเกียรติ และพี่น้องมุสลิมในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม ในโอกาศเดียวกันยังได้มีการมอบกองทุนซากาตคณะกรรมการอิสลามจังหวัดภูเก็ต มอบเครื่องมือประกอบอาชีพให้แก่พี่น้องมุสลิมจำนวน 3 ราย

ทั้งนี้นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกอบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า วันขึ้นปีใหม่ของอิสลามในปีนี้ คือวันที่ 1 เดือนมูฮัรรอม ฮิจเราะห์ศักราช 1432 ตรงกับวันที่ 7 ธันวาคม 2553 ทางอบจ.ภูเก็ต ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต จัดงานต้อนรับฮิจเราะห์ศักราช 1432 ขึ้นในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2553 เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้มวลมุสลิมและเยาวชนมุสลิมได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของปีใหม่อิสลาม เพื่อให้บุคคลทั่วไปต่างศาสนิก ได้รับทราบและรู้จักวันขึ้นปีใหม่และปีของอิสลาม ส่งเสริมให้มวลมุสลิม เยาวชน คนหนุ่มสาว ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา เรียนรู้ศาสนาและปฏิบัติศาสนกิจอย่างเคร่งครัด และเพื่อประสานสัมพันธ์ระหว่างองค์กรมุสลิมในจังหวัดภูเก็ต และองค์กรต่างๆ ได้จัดทำกิจกรรมร่วมกัน ในการพัฒนาสังคม ให้มีความแข็งแกร่งอยู่อย่างมีความสุขและสมานฉันท์

ด้านนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้กล่าวว่า รู้สึกประทับใจในความร่วมมือ ร่วมใจของคณะกรรมการจัดงาน ที่มีความเสียสละในการจัดงานนี้ ขอชื่นชมวิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กรมุสลิมในจังหวัดภูเก็ต ที่ได้ดำเนินการจัดงานต้อนรับฮิจเราะห์ศักราชใหม่ ซึ่งเป็นการต้อนรับของอิสลามในวันนี้ การจัดงานนี้ ถือเป็นความคิดที่ดีมากๆ และมีความเหมาะสมอย่างยิ่งกับสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดที่มีความเจริญมาก มีผู้คนและวัฒนธรรมต่างๆ เข้ามามากมาย ทำให้ผู้คนและเยาวชนแยกแยะไม่ได้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ถูก ผิด เหมาะสมหรือไม่ แต่การจัดงานนี้ ถือเป็นที่ให้ผู้คนและเยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้และมีความรัก มีความตระหนักถึงความสำคัญในวัฒนธรรมที่ดีงาม โดยเฉพาะวัฒนธรรมอิสลาม เป็นวัฒนธรรมที่ละเอียดอ่อน เป็นหลักคำสอนและหลักการศาสนาอิสลาม หากปฏิบัติผิดต่อหลักการศาสนาก็จะเกิดความเสียหายต่อผู้ปฏิบัติ และหากได้ปฏิบัติตามหลักคำสอนหรือหลักการศาสนาอย่างเคร่งครัด จะเป็นผู้ที่ประเสริฐยิ่ง

สำหรับกิจกรรมภายในงานครั้งนี้ ประกอบด้วย นิทรรศการประวัติศาสตร์อิสลามและนิทรรศการขององค์กรต่างๆ การบรรยายธรรมทางวิชาการศาสนา กิจกรรมของเด็กและนักเรียน การทดสอบการอ่านพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน พิธีดูอารับปีใหม่ และการคัดเลือกมัสยิดพัฒนาตัวอย่าง ประจำปี 2553 ซึ่งได้รับรางวัล จำนวน 9 มัสยิด ได้แก่ มัสยิดดารุสลาม (บ้านบางดุก) มัสยิดอันซอริสซุนนะห์ (บ้านบางเทา) มัสยิดเราว์ฎอตุ้ลญันนะห์ (บ้านนาส้มป่อย) มัสยิดนู่รุลอีบาดียะห์ (บ้านหมากปรก) มัสยิดหวะดานีย้าตุ้ลอิสลามียะห์ (บ้านกะหลิม) มัสยิดดารุ้ลอาบีดีน (บ้านบางม่าเหลา) มัสยิดอัลอิสละห์ (บ้านคอเอน) มัสยิดดะห์วาตุ้ลอิสลามียะห์ (บ้านพรุสมภาร) อันดับ 2 มัสยิดยาบรรนูรด์ (บ้านเกาะแก้ว)

เตรียมติดตั้งทุนเตือนภัยสึนามิเพิ่มอีก 2 ทุ่น


เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2553 ที่บริเวณท่าเทียบเรือสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เรือ.ซีฟเดด (SEAFDEC) ซึ่งบรรทุกทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิจำนวน 2 ทุ่นของศูนย์เตือนภัยพิบัติพิบัติแห่งชาติได้แวะพักหลังออกเดินจากท่าเทียบเรือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมรับคณะกรรมการตรวจรับโครงการติดตั้งทุ่นลอยน้ำลึกในฝั่งทะเลอันดามัน วิศวกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมเดินทางไปติดตั้งทุ่นดังกล่าวในทะเลอันดามันบริเวณห่างจากเกาะภูเก็ตไปประมาณ 250 กิโลเมตร และห่างจากหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา ไปประมาณ 230 กิโลเมตร

ทั้งนี้ นายชยสาร โทณานนท์ ประธานคณะกรรมการตรวจรับโครงการติดตั้งทุ่นลอยน้ำลึกในฝั่งทะเลอันดามัน กล่าวว่า ภารกิจของเรือ.ซีฟเดดและเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้จะไปทำการติดตั้งทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิในทะเลอันดามันจำนวน 2 ทุ่น โดยจุดแรกจะเริ่มติดตั้งได้ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ซึ่งห่างจากเกาะภูเก็ตไปประมาณ 250 กิโลเมตร และจุดที่ 2 บริเวณห่างจากหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงาไปประมาณ 230 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 3-5 วันจะแล้วเสร็จ

การทำงานของทุ่นดังกล่าวเมื่อเกิดแผ่นดินไหวมีการเปลี่ยนแปลงแรงดันใต้น้ำ อุปกรณ์ที่อยู่ก้นทะเลจะมีการส่งสัญญาณมายังทุ่นที่ลอยน้ำ จากนั้นก็จะมีการส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมไปยังศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบ โดยจะใช้เวลาในการแจ้งภายใน 5 นาที นายชยสาร กล่าวและว่า สำหรับงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการครั้งนี้ทั้งในส่วนของทุ่นและการติดตั้งจำนวนรวมประมาณ 162 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามปัจจุบันประเทศไทยได้ติดตั้งทุ่นเตือนภัยสึนามิในทะเลอันดามันรวมทั้งครั้งนี้ด้วยจำนวน 3 ทุ่น ซึ่งในส่วนของทุ่นที่มีการติดตั้งไปแล้วก่อนหน้านี้สามารถที่จะใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยทุกครั้งที่มีแผ่นดินไหวใต้ทะเลก็จะมีการส่งสัญญาณมายังศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ส่วนจะมีการติดตั้งเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล โดยเฉพาะในส่วนของการติดตั้งในฝั่งอ่าวไทย ทั้งนี้จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการเตือนภัยให้กับประชาชนได้เพิ่มมากขึ้น นายชยสารกล่าว

คลื่นซัดเรือใบเข้าแข่งภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้าเสียหาย


ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ภูเก็ต ถึงบรรยากาศการแข่งขันเรือใบชิงถ้วยพระราชทาน ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 24 ที่บริเวณชายหาดกะตะ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (11 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการแข่งขัน หลังจากที่ได้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากคลื่นลมแรงสูง 2-3 เมตร และมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ต้องประกาศยกเลิกการแข่งขันในวันสุดท้าย พร้อมกันนี้ก็ได้ยกเลิกการประกอบพิธีสวนสนามทางทะเล เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสพระชนมพรรษาครบ 83 พรรษาของนักกีฬาผู้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีการประกาศยกเลิกการประกอบพิธีสวนสนามทางทะเล ได้มีนักกีฬาที่เข้าร่วมทำการแข่งขันนำเรือใบมาจอดลอยลำทอดสมออยู่บริเวณชายหาดกะตะ ปรากฏว่ามีฝนตกลงมาอย่างหนัก ติดต่อกันเป็นเวลานาน ขณะที่ในทะเลมีคลื่นลมแรงสูง 2 – 3 เมตร ทำให้เรือใบดังกล่าวได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ต้องช่วยนำกำลังเข้าช่วยเหลือเป็นการด่วน

นายดังเคน เวอร์ดิงเทอร์น คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ กล่าวว่า สำหรับการประกอบพิธีสวนสนามทางทะเล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ได้ดำเนินการติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกเลิกพิธีสวนสนามดังกล่าว เนื่องจากพายุที่พัดเข้าฝั่งและฝนตกลงมาอย่างหนัก จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเรือของนักเล่นใบได้รับความเสียหาย 1 ลำ และเรือดิ้งกี้จำนวน 3 ลำพลิกคว่ำกลางทะเล นอกจากนั้นยังมีเรือใบอีกว่า 10 ลำ ที่ไม่สามารถนำเรือออกจากชายฝั่งได้

สำหรับการแข่งขันเรือใบภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งนี้มีเรือใบเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 108 ลำ จาก 36 ประเทศจากทั่วโลก และจะมีการประกอบพิธีพระราชทานรางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขันเรือใบชิงถ้วยพระราชทาน “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า โดย ฯพณฯหม่อมหลวงอัศนี ปราโมท องคมนตรี ผู้แทนพระองค์เป็นประธานในค่ำวันนี้ (11 ธ.ค.53) ที่โรงแรมกะตะบีช รีสอร์ท


วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ให้แหลมพรหมเทพเป็นเขตปลอดบุหรี่


นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเทศบาลฯ ได้มีการออกประกาศกำหนดพื้นที่สวนสาธารณะแหลมพรมเทพ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก ให้เป็นพื้นที่คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ ตั้งแต่บริเวณบันไดทางขึ้นไปจนถึงบริเวณด้านบนของแหลมพรหมเทพทั้งหมด รวมถึงบริเวณสวนสาธารณะหนองน้ำในหาน เพื่อให้เป็นพื้นที่คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่



เนื่องจากปัจจุบันบริเวณแหลมพรหมเทพมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และในจำนวนนักท่องเที่ยวดังกล่าวก็มีบางส่วนที่สูบบุหรี่ในขณะเดินชมธรรมชาติ สร้างความรำคาญให้กับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะควันบุหรี่ ซึ่งในทางการแพทย์ระบุว่าส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้ที่ไม่ได้สูบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกรณีผู้ที่สูดควันบุหรี่เข้าไปยังเป็นเด็ก ฉะนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเห็นควรว่านักท่องเที่ยวควรที่จะได้รับการคุ้มครองสุขภาพจากการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะของบุคคลอื่น


สำหรับการประกาศเขตพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่บริเวณแหลมพรหมเทพนั้น มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000 บาท โดยขณะนี้ได้ทำแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งให้กับนักท่องเที่ยวเป็นภาษาต่างๆ แล้วเพื่อทำความเข้าใจในมาตรการดังกล่าว ซึ่งคิดว่าน่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี นายอรุณกล่าว

ดึงสื่อหามาตรการลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ


นายแพทย์วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต คณะทำงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพแห่งชาติ ระดับภาคใต้ หรือ สสส.หารือกับสื่อมวลชนในจังหวัดภูเก็ต เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ แนวทางการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่มาจากการเมาแล้วขับ และการไม่ปฏิบัติตามกฏจราจร ซึ่งได้มีการเสนอความเห็น ให้มีการบังคับใช้กฏหมายแก่ผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง การจัดหาทนายความอาสามาช่วยเหลือเหยื่อและญาติที่เสียหาย การรณรงค์สวมหมวกนิรภัย และแนวทางการแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับผู้ฝ่าฝืนกฏจราจร อาทิ ขับรถฝ่าสวนเลน

รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในปีนี้ทั่วโลกได้กำหนดเป็นทศวรรษแห่งการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตปีละ 2-3 ล้านคน ขณะที่รัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ในส่วนของ สสส.ได้จัดสรรงบประมาณ 80 ล้านบาทมารณรงค์ผ่านภาคีเครือข่ายเมาไม่ขับ ชมรมหมออนามัย และเครือข่ายสื่อมวลชน ผลจากการดำเนินงานที่ผ่านมาประเทศต่างๆ ได้ชื่นชมประเทศไทยที่ดำเนินงานได้ผลดี อย่างที่ภูเก็ตระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาได้ลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากปีละประมาณ 200 คน เหลือเสียชีวิตปีละ 130 คน โดย 2 ใน 3 มาจากการเมาแล้วขับ


รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในอนาคตได้ตั้งเป้าการเสียชีวิตในจังหวัดภูเก็ตลดลงให้ต่ำกว่า 50 คนต่อปี

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ภูเก็ต เตรียมงาน “เหนือเกล้าหนึ่งในดวงใจ”


เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2553 ที่ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประธานการประชุมเตรียมการจัดงาน “เหนือเกล้าหนึ่งในดวงใจ” โดยมี นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายสำคัญในการปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ รวมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีความสามัคคี เกิดความรักชาติ ตลอดจนเสริมสร้างภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศ และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล จังหวัดภูเก็ตจึงกำหนดการจัดกิจกรรม “เหนือเกล้าหนึ่งในดวงใจ” เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 83 พรรษา ในวันที่ 25 ธันวาคม 2553 ณ เวทีปลายแหลมสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ โดยระหว่างวันที่ 18-23 ธันวาคม 2553 ได้มีศิลปินหรั่ง ร๊อคเคสตร้า ลงไปดำเนินการจัดกิจกรรมการสร้างจิตสำนึกในความรักชาติ และเทิดทูนสถาบันให้กับนักเรียน นักศึกษาสถาบันต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ต และในวันที่ 25 ธันวาคม 2553 ณ เวทีปลายแหลมสะพานหิน เวลา 17.00 น. ได้มีกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯการแสดงเทิดพระเกียรติจากมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต การเปิดวีดีทัศน์ประมวลภาพการจัดกิจกรรมรณรงค์ปกป้องสถาบัน รวมถึงการจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีมหาราชา ซึ่งได้รับเกียรติ จากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมเป็นประธานในพิธี และนางอัญชลี วานิช เทพบุตร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับ คาดว่าจะมีมวลชนจากทุกสาขาอาชีพเข้าร่วมกว่า 6 หมื่นคน

กาชาดรับบ้านกว่า 2 ล้านบาทออกรางวัลที่ 1


เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 53 ที่โครงการพนาสนธิ์ วิลล่า บ่อแร่ ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประธานส่งมอบบ้านทาวน์เอ้าส์ 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ในโครงการพนาสนธิ์ วิลล่า บ่อแร่ ให้กับนางนลินี อัครเดชา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำไปเป็นรางวัลที่ 1 ในการออกสลากกาชาดจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2553 งานเทศกาลของดีเมืองภูเก็ตและงานกาชาดประจำปี 2554 นี้

นายตรี กล่าวว่า งานเทศกาลของดีภูเก็ต และงานกาชาดภูเก็ตประจำปี 2554 นี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 53 – วันที่ 9 มกราคม 54 ณ บริเวณเวทีกลางสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งในปีนี้รางวัลที่จะนำมาออกสลากกาชาดไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าปีที่แล้ว โดยรางวัลที่ 1 เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นพร้อมโฉนดที่ดิน เนื้อที่ 21 ตารางวา ในโครงการพนาสนธิ์ วิลล่า บ่อแร่ มูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล รางวัลที่ 2 เป็นรถยนต์กระบะตอนเดียว จำนวน 1 รางวัล รางวัลที่ 3 รถจักรยานยนต์ จำนวน 5 รางวัล รางวัลที่ 4 โทรทัศน์สี LCD 32 นิ้ว จำนวน 5 รางวัล รางวัลที่ 5 ตู้เย็น ไม่น้อยกว่า 6 คิว 5 รางวัล รางวัลที่ 6 โทรทัศน์สี 21 นิ้ว จำนวน 5 รางวัล และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว พัดลม จำนวน 60 รางวัล รวมทั้งหมด 82 รางวัล

นอกจากนี้ภายในงานยังจัดให้มีการตักมัจฉากาชาด ที่มีรางวัลมากมายที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชนชาวภูเก็ต และในการตักมัจฉากาชาดจะได้ลุ้นรถจักรยานยนต์ทุกคืน จึงอยากจะเชิญชวนประชาชนชาวภูเก็ตร่วมกันซื้อสลากกาชาด และขณะนี้ทราบว่าสลากดังกล่าวเหลือจำนวนน้อยมาก จากที่พิมพ์ทั้งหมด 6,000 ฉบับ ทั้งนี้เพราะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากชาวภูเก็ต

อบจ.ภูเก็ต ประชุม อสม.ภูเก็ต

อบจ.ภูเก็ต ประชุม อสม.ภูเก็ต

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2553 ที่ ศาลาประชาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายสาโรจน์ อังคณาพิลาส สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมคณะกรรมการสมาคมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน โดยมี อสม.ประจำตำบล เข้าร่วม

ทั้งนี้นายสาโรจน์ อังคณาพิลาส สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก และจังหวัดภูเก็ตก็เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ความห่างเหินกันจึงได้เข้ามาสู่สังคมภูเก็ต แต่ในสังคม อสม. ได้มองเห็นถึงแง่มุมที่ดี ที่มีการรวมกลุ่มกันเพื่อเสียสละ เป็นองค์กรหนึ่งที่มีความโดดเด่นในการช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมไทย



สำหรับองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้ทำงานร่วมกับ อสม. ในโครงการภูเก็ตแคร์ดูแลผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการที่บ้าน นับเป็นโครงการหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการร่วมมือกันดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง และผู้พิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้เล็กน้อย และบางรายไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลย นอนติดบ้าน ติดเตียง มากกว่า 350 ราย ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต โดยการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จึงได้จัดทีมอาสาสมัครสาธารณสุข พยาบาล แพทย์ และทีมองค์การบริการส่วนจังหวัดภูเก็ต ออกเยี่ยม ดูแลสุขภาพ และสนับสนุนส่งเสริมด้านการประกอบอาชีพ ทำให้ได้รับทราบถึงปัญหาของผู้ป่วย และผู้พิการในจังหวัดภูเก็ต

“ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน” ปีใหม่ 2554


นายกนก ศิริพานิชกร ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 นี้สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ตร่วมกับศูนย์บริการ ตัวแทนจำหน่าย และสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) วิทยาลัยเทคนิคภูเก็ต วิทยาลัยเทคนิคถลาง และวิทยาลัยสารพัดช่างภูเก็ต จัดกิจกรรม “ตรวจรถก่อนใช้ปลอดภัยแน่นอน” ในเขตจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึง วันที่ 4 มกราคม 2554 โดยเป็นกิจกรรมหนึ่งในโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางบก

“การจัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อตรวจสภาพความพร้อมของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ตระหนักถึงความสำคัญในการตรวจสภาพความพร้อมของตัวรถก่อนใช้งาน เพื่อให้ความรู้ในการตรวจสภาพความพร้อมของตัวรถ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเพื่อลดปริมาณมลพิษที่เกิดจากรถยนต์และรถจักรยานยนต์”

นายกนก กล่าวด้วยว่า สำหรับการเปิดให้บริการตรวจเช็คสภาพรถตามโครงการดังกล่าวจะไม่มีการคิดค่าใช้จ่าย โดยจะตรวจเช็คจุดสำคัญต่างๆ ของรถยนต์ 20 รายการ รถจักรยานยนต์ 20 รายการ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านตัวรถแก่ผู้นำรถเข้ารับบริการ หากพบจุดบกพร่องเสียหาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมแก้ไข เจ้าหน้าที่ของศูนย์บริการหรือสถานตรวจสภาพเอกชนที่เข้าร่วมกิจกรรม จะมีบันทึกรายการข้อบกพร่องแจ้งให้เจ้าของรถทราบ โดยในส่วนของวิทยาลัยเทคนิคภูเก็ตและวิทยาลัยเทคนิคถลาง นอกจากตรวจเช็คสภาพให้ฟรีแล้ว ยังให้บริการฟรีสำหรับการตรวจ เติม น้ำกลั่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันคลัตซ์ และเปลี่ยนหลอดไฟสัญญาณฟรีด้วย

ลอบยิงรปภ.โรงเก็บรถทน.ภูเก็ต เสียชีวิตคาป้อมยาม

ลอบยิงรปภ.โรงเก็บรถทน.ภูเก็ต เสียชีวิตคาป้อมยาม

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 53 ร.ต.ท.เอกพจน์ สังเมียน ร้อยเวรสภ.เมือง ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลนครภูเก็ตว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำโรงจอดรถและแฟลตของเจ้าหน้าที่เทศบาลนครภูเก็ต ถูกยิงเสียชีวิตภายในตู้ยาม ขอให้เดินทางมาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รองผกก.สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต

ที่เกิดเหตุเป็นป้อมยามขนาด 1.20 x 1.20 เมตร บริเวณด้านหน้าทางเข้าโรงจอดรถ และแฟลตเจ้าหน้าที่เทศบาลนครภูเก็ต ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต พบผู้เสียชีวตเป็นชาย สวมเสื้อซาฟารีแขนสั่นสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ เสียชีวิตบนเก้าอี้พลาสติกสีฟ้าอ่อนภายในป้อมยามดังกล่าว จากการตรวจสอบทราบชื่อนายวินัย บัวทองคำ อายุ 50 ปี เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ บริษัท เพชรรักษาความปลอดภัย อยู่บ้านเลขที่ 4/11 ถ.ประเหลียน ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง ภูเก็ต ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเบอร์ 9 กระสุนเข้าที่ขมับด้านขวา 1 นัด นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้พบลูกกระสุนตกอยู่ที่พื้นอีกจำนวน 3 นัด นั่งเสียชีวิตบนเก้าอี้ข้างรถจักรยาน โดยที่กระจกด้านหน้าป้อมยามมีรอยกระสุนจำนวน 5 รู กรอบกระจกอีก 3 รู และที่ฝาหนังอีก 1แผล จากนั้นทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้จัดทำบันทึกสถานที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งจัดเก็บหลักฐานภายในที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต นำส่งรพ.วชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรโดยะละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้จากการสอบถามนายพนมศักดิ์ จักรทอง เจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในโรงเก็บรถของเทศบาลนครภูเก็ตทราบว่า นายวินัย เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทที่ประมูลได้จากเทศบาลนครภูเก็ต โดยนายวินัยเข้ามาทำงานได้ประมาณ 3 เดือน ด้วยนิสัยเป็นคนไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร เป็นคนพูดน้อย เจอหน้าใครก็ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว ซึ่งในแต่ละวันจะมาเข้าเวรในช่วงเวลา 18.00 – 06.00 น.ของแต่ละวัน โดนเดินทางมาด้วยจักรยานคู่ใจ เมื่อมาถึงก็จะบั่นจักรยานดูแลความเรียบร้อยทั่วไปของโรงเก็บรถ และแฟลตเจ้าหน้าที่ ขจากนั้นก็จะเปิดไฟฟ้าแสงสว่างบริเวณโดยรอบ จากนั้นก็จะเข้าไปนั่งภายในป้อมยาม ดูแลรถที่จะเข้าจะออกจากบริเวณภายใน

นายพมศักดิ์ยังได้กล่าวอีกว่า ตอนเกิดเหตุน่าจะแนช่วงดึก ซึ่งเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ในขณะที่เดินทางมาเซ้นน์ชื่อมาดูแลความเรียบร้อยภายในโรงจอดรถ ยังเห็นนายวินัยปฏบัติหน้าที่อยู่ โดย นอกจากนี้ยังได้เห็นกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 5 คน พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนจำนวน 3 คัน จอดอยู่ใกล้เพิงร้านขายอาหารห่างจากป้อมยามประมาณ 15 เมตร โดยกลุ่มวัยรุ่นได้รุมด่านายวินัยอยู่ โดยที่นายวินัยยืนยิ้มอยู่หน้าป้อมและไม่ตอบโต้แต่อย่างไร ตนจึงไม่ได้สนใจ นึกว่าเป็นการทะเลาะกันธรรมดา จนกระทั่งมาช่วงเช้านี้จึงทราบว่านายวินัยโดนยิงเสียชีวิตแล้ว นอกจากนี้ก่อนหน้านี้ภายในบริเวณโรงจอดรถยังมีสิ่งของหายอยู่บ่อยครั้ง ทางเทศบาลจึงได้ว่าจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาดูแล

ด้านพ.ต.อ.วันไชย ผกก.สภ.เมือง ภูเก็ต ได้กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นที่คึกคะนอง ที่เคยก่อเหตุในบริเวณดังกล่าว แต่ถูกนายวินัยขัดขวาง ทำให้กลุ่มวัยรุ่นเกิดความไม่พอใจ จึงได้มีการต่อว่า แต่นายวินัยไม่รู้สึกโกรธเคืองกลุ่มวัยรุ่น แต่กลับเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่โกรธเคืองผู้ตายแทน จึงอาศัยที่ผู้ตายนั่งพักอยู่ภายในป้อมยาม จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าในป้อมยาม กระสุนโดนเข้าที่ขมับเพียง 1 นัด ทำให้นายวินัยเสียชีวิตคาที่ดังกล่าว ซึ่งก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนไปดูกล้องวงจรปิด พร้อมทั้งออกออกหาข่าว และติดตามกลุ่มวัยรุ่นในวันเกิดเหตุมาสอบสวนต่อไป

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

รพ.วชิระภูเก็ตตรวจสุขภาพพระภิกษุ สามเณร


เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2553 ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายแพทย์เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการหน่วยคัดกรองสุขภาพเคลื่อนที่สำหรับพระภิกษุ สามเณร จังหวัดภูเก็ต เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 โดยมีพระภิกษุ สามเณร ในจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นางสุธิดา ฉั่วดำรงกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาลโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาการให้บริการด้านสาธารณสุขมีการจัดบริการแบบผสมผสานทั้งด้านส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสุขภาพ โดยต้องการปรับพฤติกรรมสุขภาพให้ถูกต้อง เน้นการพัฒนาพื้นฐานในการดูแลสุขภาพตนเอง ทั้งสุขภาพทางกาย จิต และสังคม มีภูมิต้านทานโรค ไม่เจ็บป่วย หรือเจ็บป่วยแล้วจะไม่ป่วยซ้ำอีก โดยเฉพาะพระภิกษุ สามเณร เมื่อมีอาการอาพาธแล้วต้องเข้ารับการบำบัดรักษาปะปน และแออัดกับผู้ป่วยทั่วไปซึ่งมีจำนวนมาก อันเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ทรงทราบถึงปัญหาและทรงห่วงใยสุขภาพของพระภิกษุ สามเณร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จัดหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่สำหรับพระภิกษุ สามเณร ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554

ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตจึงได้จัดให้มีโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 และให้พระภิกษุ สามเณร ทุกวัดในจังหวัดภูเก็ตมีความตื่นตัว ตระหนักและเห็นความสำคัญในการเข้ารับการตรวจสุขภาพ และได้ทราบปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะเจ็บป่วย รวมถึงได้รับการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ ตลอดจนพื้นที่สามารถวิเคราะห์สภาวะสุขภาพของชุมชน เพื่อนำไปสู่การร่วมกันกับผู้นำชุมชน และประชาชนในการวางแผนแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของชุมชน

สำหรับกิจกรรมที่ดำเนินการ ในระยะที่ 1 ออกพื้นที่ตรวจเลือด ดำเนินการระหว่างเดือน ก.ย. – ต.ค.2553 ทั้งหมด 39 วัด จำนวนพระภิกษุสามเณร 545 รูป ผลการตรวจไขมันผิดปกติ จำนวน 160 รูป น้ำตาลผิดปกติ จำนวน 28 รูป การทำงานของไต ผิดปกติจำนวน 6 รูป ระยะที่ 2 ตรวจเอกซเรย์ปอด ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง ตรวจสุขภาพตา และฟัน กลุ่มอายุมากกว่า 40 ปี ตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. 2553 เป็นต้นไป และระยะที่ 3 ออกพื้นที่คัดกรองสุขภาพพระภิกษุสามเณร กลุ่มอายุน้อยกว่า 40 ปี ในเดือน ม.ค. 2554

สสว.ติวเข้มผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ


เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2553 ที่ห้องจามจุรี โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเปิดการสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ระดมความคิดเห็นมาตรการความช่วยเหลือจากภาครัฐที่ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับเมื่อเกิดผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งจัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดขึ้น โดยมีนายวีระยุทธ เชื้อไทย รองผู้อำนวยการสำนักบริการผู้ประกอบการ สสว. นายพีรพล สุวรรณฉวี เลขานุการผู้อำนวยการ สสว. ตัวแทนจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต หอการค้า สภาอุตสาหกรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการและประชาชนที่สนใจเข้าร่วมจำนวนประมาณ 400 คน

นายพีรพล สุวรรณฉวี เลขานุการผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า ด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีความเป็นห่วงผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ของประเทศมีจำนวนประมาณกว่า 90% โดยเฉพาะเมื่อประสบกับภัยพิบัติต่างๆ กลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จึงได้มีการจัดทำโครงการเพื่อระดมความคิดเห็นของผู้ประกอบการในแต่พื้นที่ เพื่อมาใช้ประกอบการจัดทำแผนงานและนโยบายของทาง สสว.ในการเข้าไปดูแลช่วยเหลือและส่งเสริมพัฒนาต่อยอดให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้มีการว่าจ้างมหาวิทยาลัยในการสำรวจข้อมูลความต้องการเพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ประกอบร่วมกันในการวางแผนงานต่อไปในอนาคตด้วย

จากการที่ได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นไปแล้วบางส่วน เช่น จ.เชียงใหม่ จ.ปทุมธานี เป็นต้น พบว่าผู้ประกอบการในแต่ละพื้นที่จะต้องการความช่วยเหลือที่แตกต่างกันไปตามสภาพ อย่างกรณีของ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวก็มีความต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือดูแลหากเกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว นายพีรพล กล่าวและว่า นอกจากการให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการแล้ว ยังจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถที่จะรับทราบถึงช่องทางในการขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ เพราะเป้าหมายสุดท้ายของ สสว. นั้นต้องการให้ผู้ประกอบการได้รับการพัฒนาต่อยอดธุรกิจให้มีคุณภาพมาตรฐานและยั่งยืน สามารถที่จะแข่งขันได้ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ

นักกีฬาเรือใบคิงส์คัพส์รีกัตต้า ครั้งที่ 24 ตายปริศนาคาเรือ


เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 8 ธันวาคม 53 พ.ต.ท.บุญเลิศ อ่อนกลาง ร้อยเวรสภ.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากนักกีฬาประจำเรือ เจ้า PYTHEAS AURA ซึ่งเป็นเรือที่เข้าร่วมการแข่งขัน เรือใบคิงส์คัพส์รีกัตต้า ครั้งที่ 24 ว่า มีผู้เสียชีวิตบนเรือใบ ซึ่งจอดอยู่บริเวณอ่าวกะตะ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบ และนำผู้เสียชีวิตส่งรพ.ด้วย หลังรับแจ้งก็ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำภูเก็ต มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เนื่องจากที่เกิดเหตุอยู่บนเรือซึ่งจอดลอยลำอยู่กลางทะเล ห่างจากชายฝั่งประมาณ 3 ไมล์ทะเล เจ้าหน้าที่จึงต้องเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยใช้เรือยางของเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลความเรียบร้อยในการแข่งขันเรือใบคิงส์คัพส์รีกัตต้า ครั้งที่ 24 โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่ก็ได้เดินทางไปถึงเรือ Pytheas Aura เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิต พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย นอนตายอยู่ภายในห้องพัก สวนเสื้อยึดสีขาว โดยสวมเสื้อแจ็กเก็ตทับ นุ่งกางเกงยีนต์ สีฟ้า และสวมรองเท้าผ้าใบสีขาว

จากการตรวจสอบทราบชื่อคือนาย Joseph James Patrick อายุ 42 ปี สัญชาติแคนนาดา และจากการตรวจสอบภายในห้องพัก ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ และไม่พบบาดแผลการถูกทำร้ายร่างกาย จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดเก็บพร้อมทั้งจัดทำบันทึกสถานที่เกิดเหตุ ไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย นำศพผู้เสียชีวิตส่งรพ.วชิระ ภูเก็ต เพื่อให้แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้จากการสอบถามเพื่อนผู้ตายทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้นำเรือเข้าร่วมแข่งขัน เรือใบคิงส์คัพส์รีกัตต้า ครั้งที่ 24 ในระหว่างวันที่ 6 – 11 ธันวาคม โดยแข่งขันในประเภทโมเดริ์น คลาสสิค วันนี้เป็นวันพักการแข่งขัน และผู้ตาย ได้นอนอยู่บนเรือลำดังกล่าวเพียงลำพัง และในเช้าวันนี้ขณะนี้เพื่อนร่วมทีมของผู้ตายกลับจากพักผ่อนบนชายฝั่ง เดินทางไปหาผู้ตายที่เรือ พบว่าที่ห้องนอนปิดสนิท เพื่อนของผู้ตายพยามยามเรียกผู้ตายหลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบรับ จากนั้นก็ตัดสินใจทุบประตูเข้าไปภายในห้องนอนพบว่าผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่แล้ว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่การแข่งขันทราบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่คาดว่าเสียชีวิตเนื่องจากหัวใจล้มเหลวหรือขาดอากาศหายใจ ซึ่งก็ต้องรอผลการพิสูจน์จากแพทย์ เพื่อที่จะได้ทราบผลของการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง


“สาธารณสุขเพื่อการท่องเที่ยว (กลุ่มอันดามัน)


นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เปิดว่า ในระหว่างวันที่ 16-18 ธันวาคมนี้ ที่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี อ.เมือง จ.ภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขกลุ่มจังหวัดอันดามัน (ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง) กำหนดจัดงาน “สาธารณสุขเพื่อการท่องเที่ยว (กลุ่มอันดามัน) มหกรรมสถานีสุขภาพ” ขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยจากการบริโภคอาหาร ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และบริการสุขภาพในกลุ่มจังหวัดอันดามัน และต่อยอดเป็นการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวในเขตกลุ่มจังหวัดอันดามัน ซึ่งภายในงาน ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการมาตรฐานการบริการทางการแพทย์ การแพทย์ฉุกเฉิน การออกบูธจำหน่ายสินค้าของกลุ่มจังหวัดอันดามัน ตลาดนัดสุขภาพ การจำหน่ายอาหารที่มีความโดดเด่นของแต่ละจังหวัดในอันดามัน การแสดงและกิจกรรมความสนุกสนานบนเวที

เหตุที่มีการงานมหกรรมสถานีสุขภาพนั้น เนื่องจากในปี 2551 เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ มีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ H5N1 ทำให้นักท่องเที่ยวลดจำนวนน้อยลง โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของกลุ่มอันดามันเป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวให้กล้าตัดสินใจเลือกมาท่องเที่ยว ทางกลุ่มจังหวัดอันดามันจึงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองความปลอดภัยด้านชีวิตและสุขภาพของประชาชนรวมทั้งนักท่องเที่ยว โดยจัดทำโครงการยกระดับมาตรฐานการบริการเฝ้าระวังและคุ้มครองความปลอดภัยด้านสุขภาพกลุ่มจังหวัดอันดามัน มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเอเชีย โดยในปี 2553 นำร่องการยกระดับมาตรฐานพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว 3 ด้าน คือ มาตรฐานและขีดความสามารถของสถานบริการสาธารณสุข มาตรฐานด้านการเฝ้าระวังโรคและภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพ รวมทั้งสร้างความมั่นใจในการบริโภคอาหาร ผลิตภัณฑ์สุขภาพโดยสร้างเอกลักษณ์ของอาหารที่เป็นจุดเด่นของอันดามัน ซึ่งกำหนดดำเนินการพร้อมกันทั้ง 5 จังหวัด

อย่างไรก็ตามได้มีการปรับเกณฑ์มาตรฐานเหลือเพียง 2 หลักเกณฑ์ คือ มาตรฐานด้านสาธารณสุข ซึ่งประกอบด้วย การควบคุมโรคระบาดและโรคติดต่อที่สำคัญ 5 โรค ได้แก่ โรคพิษสุนัขบ้า โรคลีเจียนแนร์ โรคอหิวาตกโรค โรคซาร์ส โรค Bied FLU และโรคมาลาเรีย ความปลอดภัยด้านอาหารและอนามัยสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ตลาดสดผ่านเกณฑ์ด้านสุขาภิบาลและเกณฑ์ตลาดสดน่าซื้อร้อยละ 80 ร้านอาหารผ่านเกณฑ์อาหารสะอาดรสชาติอร่อย โรงแรมต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานโรงแรมน่าอยู่น่าพัก ร้อยละ 80 สุขาสาธารณะผ่านเกณฑ์ HAS ร้อยละ 80 กับมาตรฐานด้านระบบบริการสุขภาพ ประกอบด้วย ระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ระบบบริการการแพทย์ในโรงพยาบาลและการส่งต่อ ตลอดจนหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้องกับบริการสุขภาพ คลินิกเอกชน สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ และร้านขายยา ทุกแห่งผ่านเกณฑ์ตามกฎกระทรวง นายแพทย์นรินทร์รัชต์กล่าว


วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อบจ.ภูเก็ตติวเข้มบุคลากรครูให้เป็นมืออาชีพ


เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553 ที่ห้องยูงทอง โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) เป็นประธานเปิดการสัมมนาผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ตามโครงการนิเทศติดตามและประเมินผลการศึกษา ซึ่งกองการศึกษา อบจ.ภูเก็ต จัดขึ้น โดยมีผู้บริหาร สมาชิกสภาฯ ครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนในสังกัด อบจ.ภูเก็ต จำนวน 70 คน เข้าร่วม

ทั้งนี้ อบจ.ภูเก็ต ได้กำหนดแผนงานโครงการนิเทศติดตามและประเมินผลการศึกษา ให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปตามจุดหมาย หลักการ และโครงสร้างของหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อติดตามการดำเนินงานการจัดการศึกษาของโรงเรียนในสังกัด ตลอดจนเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนติดตามการประกันคุณภาพภายใน โดยทางกองการศึกษาฯ และโรงเรียนในสังกัด อบจ.ภูเก็ต ได้จัดทำกิจกรรมนิเทศ การเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาบุคลากร ครู ให้เป็นครูมืออาชีพ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนให้สูงขึ้น สนองเป้าหมายด้านการจัดการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาพุทธศักราช 2542 ปรับปรุง 2545 มาตรา 47,48, 49 ให้มีการประกันคุณภาพ เพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอกของ สมศ. รอบ3 ต่อไป

อย่างไรก็ตามนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า การจัดทำโครงการดังกล่าวนับเป็นเรื่องที่ดีในการพัฒนาบุคลากรซึ่งถือเป็นทรัพยากรสำคัญในการมีส่วนช่วยยกระดับผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนและสถานศึกษา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการส่งเสริมให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการนำเอาประสบการณ์ที่ได้รับจากวิทยากรไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง นักเรียนและโรงเรียนต่อไป

ขนส่งภูเก็ตเตรียมพร้อมรับปีใหม่ 54

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553 ที่ห้องประชุมสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต นายกนก ศิริพานิชกร ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมซักซ้อมความเข้าใจผู้ประกอบการและพนักงานขับรถโดยสารขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2554 ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น โดยมีตัวแทนจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ร่วมให้ความรู้

นายกนก กล่าวว่า แม้ปัจจุบันภาครัฐและเอกชนได้ให้ความสำคัญกับปัญหาอุบัติเหตุทางถนนเป็นอย่างมาก โดยมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกันในการทำงานด้านการดูแลความปลอดภัยทางถนน เช่น จัดทำแผนอำนวยความสะดวก มั่นคงและปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลซึ่งมีวันหยุดยาว เป็นต้น ซึ่งในส่วนของกรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้หน่วยงานในสังกัด จัดให้มีโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ส่งผลให้จำนวนอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตลดลง แต่ในสัดส่วนที่ยังน้อยอยู่ โดยในปี 2552 จังหวัดภูเก็ตมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจำนวน 1,383 ครั้ง ลดลงจากปีก่อนหน้า 1 % มีผู้เสียชีวิต 92 ราย ลดลง 3 % จากปีก่อน บาดเจ็บ 1,616 คน ลดลงจากปีก่อน 8.29 %

“ขณะที่อุบัติเหตุจากรถโดยสารขนาดใหญ่ในปี 2552 เกิดขึ้น 27 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 92.86% คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นยังรวมไปถึงผลประกอบการของผู้ประกอบการเองด้วย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่องและจริงจังต่อไป เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งกิจกรรมหลัก คือ การดูแลความพร้อมทั้งตัวรถและตัวคน ได้แก่ การตรวจสภาพความพร้อมของรถก่อนให้บริการ เช่น ระบบเบรก ยางรถ ระบบปัดน้ำฝน เป็นต้น ส่วนของพนักงานขับรถก็ยังคงเน้นย้ำเรื่องของระดับแอลกอฮอล์ที่จะต้องเป็นศูนย์ และการไม่ขับรถติดต่อกันเป็นเวลาเกิน 4 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้มีการตั้งด่านตรวจ การจัดทำสื่อรณรงค์ และอื่นๆ ตามความเหมาะสม”