จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

นครซิวแชมป์ควิกแสบฟุตซอลแชมป์ภาคใต้

เมื่อวันที่ 28 มกราคม 54 ณ อาคารศูนย์กีฬา โรงเรียนสตรีภูเก็ต การแข่งขันควิกแสบ ฟุตซอลแชมป์ชนแชมป์ 2010 รอบคัดเลือกภาคใต้ โดยมี 8 จังหวัดภาคใต้ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขัน สำหรับการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศเป็นการพบกันระหว่างทีมจังหวัดภูเก็ตเจ้าภาพพบกับทีมนครศรีธรรมราช โดยเกมในครึ่งเวลาแรก ทีมภูเก็ตบุกได้มากกว่าและได้ประตูขึ้นนำ 2:0

หลังจากนั้นในครึ่งเวลาหลังทีมนครศรีเปิดเกมส์สู้จนมาประสบความสำเร็จ ตีไข่แตกเป็น 1:2 และได้ประตูตีเสมอเป็น 2:2 ช่วงท้ายเกมส์นครศรีฯ พลิกขึ้นนำเป็น 3:2 ทีมภูเก็ตหลังเสียประตูพยายามเปิดเกมบุกสู้ แต่โดนนครศรีฯ โต้กลับ และเอาชนะภูเก็ต 5:2 คว้าแชมป์ฟุตซอลรอบคัดเลือกภาคใต้ พร้อมได้สิทธิเป็นตัวแทนภาคใต้ไปแข่งขันในรอบ แชมป์ชนแชมป์ ที่กรุงเทพมหานครต่อไป


ชุดสืบภ.จว.ภูเก็ต รวบแก็งค์ลักทรัพย์ได้ของกลางกว่า 70 รายการ


เมื่อวันที่ 28 มกราคม 54 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมือง ภูเก็ตพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยพ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.เอกวุฒิ เสน่ห์พร ผกก.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และพ.ต.อ.วันชัย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมือง ภูเก็ต ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมแก็งค์ลักทรัพย์ตามบ้านเรือนและอาคารสำนักงาน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้จับกุมโดยมีผู้ต้องหา 2 ราย ได้แก่ นายธนพล หรืออ้น สมนึกตน อายุ 33 ปี และนายอภิสิทธิ์ หรือแซม ชูภักดิ์ อายุ 24 ปี พร้อมด้วยของกลางจำนวน 75 รายการ เช่น ทีวีสี โน๊ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์ ชุดเครื่องเสียง กล้องถ่ายรูป เป็นต้น

ทั้งนี้พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้กล่าวถึงการจับกุมในครั้งนี้ ด้วยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้มีกลุ่มวัยรุ่น ได้มั่วสุมเสพยาภายในอาคารแฟลตการเคหะแห่งชาติ ทางเจ้าหน้าก็ได้เข้าทำการตรวจสอบ พบว่าได้มีกลุ่มวัยรุ่น ได้ทำการมั่วสุมเสพยาจริง จึงได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดภูเก็ต เพื่อเข้าทำการตรวจค้น ซึ่งจาการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบกลุ่มวัยรุ่นได้จับกลุ่มเสพยาบ้า จึงได้ทำการจับกุม พร้อมทั้งได้ทำการตรวจค้นภายในห้อง ทางเจ้าหน้าที่ก็พบมีสิ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการตรวจยึดสิ่งของเหล่านั้นว่าได้มาจากการจำหน่ายหรือเปล่า จากนั้นก็ได้ควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมด้วยของกลางมาการสอบสวนเพิ่มเติม

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า สิ่งของและทรัพย์สินเหล่านั้น ได้มาจากการตระเวนลักทรัพย์ตามอาคารสำนักงานต่างๆ ในภูเก็ต และได้ทำมาเป็นเวลาประมาณ 8 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2553 เป็นต้นมา โดยใช้รถจักรยานยนต์ตระเวนลักทรัพย์ตามสถานที่ต่างๆ เน้นไปยังอาคารสถานที่ใช้วัสดุเป็นกระจก โดยเฉพาะอาคารสถานที่ที่ใช้เป็นสำนักงาน เพราะง่ายต่อการงัดแงะเข้าไปในตัวอาคาร ด้วยการใช้ไขควงปากแบนงัดแงะใช้เวลาเพียงแค่ 30 วินาที แต่ก่อนที่จะลงมือลักทรัพย์จะใช้รถจักรยานยนต์ตระเวนไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อดูเป้าหมายโดยจะเลือกอาคารสำนักงานที่เป็นกระจกเลื่อนและไม่มีเหล็กดัดและเมื่อได้ทรัพย์สินมาแล้วก็จะนำไปขายให้กับบุคคลต่างๆ หรือเอาไปจำนำได้เงินครั้งละ 2 – 3 หมื่นบาท เมื่อได้เงินแล้วก็จะนำมาซื้อยาเสพติดและใช้จ่ายทั่วไป

พล.ต.ต.พิกัด ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเจ้าของบ้านที่ได้ถูกคนร้าย เข้าทำการลักทรัพย์ภายในบ้าน ขอให้เดินทางมาตรวจสอบทรัพย์สินที่สูญหายไปได้ที่สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อที่จะได้ทำการตรวจสอบ พร้อมทั้งนำตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีต่อไป

ประชุมหารือช่วยเหลือประชาชนในโครงการภูเก็ตแคร์


เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2554 ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตนายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนตามโครงการภูเก็ตแคร์ “สุขภาพพอเพียงกับโรงพยาบาลหมื่นเตียงในภูเก็ต” โดยมีสมาชิกสภาอบจ.ภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดอบจ.ภูเก็ต และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวเข้าร่วมประชุม

ในการประชุมประชุมครั้งนี้ ได้กล่าวถึงหลักเกณฑ์ว่าด้วยการจัดตั้งงบประมาณเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2543 เรื่องพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 พร้อมทั้งพิจารณาการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการตามโครงการภูเก็ตแคร์ ตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการตั้งงบประมาณเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2543

นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า จากการลงพื้นเยี่ยมผู้ป่วยในโครงการภูเก็ตแคร์ในแต่ละเดือน ทำให้ทราบว่ายังมีผู้ป่วยที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการนี้อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งปัญหานี้ทางคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนตามโครงการภูเก็ตแคร์ ได้พิจารณาเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามโครงการดังกล่าว เพื่อให้ทุกพื้นที่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง ซึ่งจะสำรวจจากรายชื่อที่ได้รับการเสนอจากสมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต และอาสาสมัครสาธารณสุขแต่ละตำบล รวมถึงจะมีการจัดอบรมอาสาสมัครและจัดอบรมผู้มีจิตอาสาเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงประชาชนและเพียงพอต่อการดูแลผู้ป่วย เพราะในอนาคตจะมีการสร้างเครือข่ายของโครงการภูเก็ตแคร์ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต

สำหรับโครงการภูเก็ตแคร์ “สุขภาพพอเพียงกับโรงพยาบาลหมื่นเตียงในภูเก็ต” จัดขึ้นโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยเรื้อรัง และผู้พิการที่บ้านโดยแพทย์ พยาบาลและอาสาสมัครสาธารณสุข ในการให้บริการเข้าถึงผู้ป่วย ได้อย่างมีคุณภาพและเป็นองค์รวม โดยให้ชุมชน ท้องถิ่น สังคม มีส่วนร่วมและรับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถดูแลตนเองได้อย่างมีความสุข

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

สสปน.ผนึกกำลังภูเก็ต ชูศักยภาพนครแห่งไมซ์แดนใต้


เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2554 ที่ห้องประชุม โรงแรม เดอะ เวสทิน สิเหร่เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้มีการประกอบพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการดำเนินงานส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE ของจังหวัดภูเก็ต ระหว่างสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน.โดยนายอนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ ประธานกรรมการ สสปน.กับจังหวัดภูเก็ต โดยนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อผลักดันให้ภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางของการจัดประชุม สัมมนาและการแสดงสินค้าระดับนานาชาติ ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมในฐานศูนย์กลางการท่องเที่ยว และธุรกิจการค้าของภาคใต้ ดึงดูดผู้เดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งตลาดอินบราวนด์และเอาท์บราวนด์ สร้างแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยสู่เวทีโลก

นายอนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ ประธานกรรมการ สสปน.กล่าวว่า การพัฒนาและส่งเสริมให้ภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมการจัดประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และการแสดงสินค้านานาชาติ หรืออุตสาหกรรมไมซ์ นับเป็นภารกิจหลักสำคัญของ สสปน. เพราะแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยมีความพร้อมและจุดเด่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ตามแต่ละพื้นที่ ซึ่งสามารถพัฒนาให้เกิดกิจกรรมไมซ์ได้อย่างเหมาะสมและมีความแตกต่าง โดยในช่วงปีที่ผ่านมา สสปน.ได้ดำเนินการเชิงรุกผลักดันให้ทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และพัทยา ขยายความเป็นพื้นที่ของการค้า การลงทุน วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สู่การเป็นนครแห่งไมซ์ที่รองรับผู้เดินทางกลุ่มไมซ์ได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยการร่วมพัฒนาและส่งเสริมจังหวัดในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

“ภูเก็ตนับเป็นจังหวัดที่มีผู้เดินทางกลุ่มไมซ์เข้ามาเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เดินทางกลุ่มไมซ์ในแถบเอเชียและยุโรป ด้วยความพร้อมทั้งด้านจำนวนห้องพัก สถานที่จัดประชุม สัมมนา และแสดงสินค้า ที่สามารถรองรับผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ ภูเก็ตจึงมีศักยภาพและความพร้อมในการเป็นนครแห่งไมซ์ โดยความร่วมมือที่เกิดจากความร่วมมือกันในครั้งนี้ ประกอบด้วยการส่งเสริมให้มีการจัดงานไมซ์ ในจังหวัดภูเก็ตผ่านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่แพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ ถ่ายทอดองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนการเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจไมซ์ระหว่างกันตลอดจน ร่วมมือกันพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม เพื่อให้รองรับการเติบโตของธุรกิจ เผยแพร่องค์ความรู้ดังกล่าวให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพื่อใช้พิจารณาในการวางผังเมือง ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางคมนาคมและขนส่งมวลชนของจังหวัดให้เกิดประโยชน์ เพื่มศักยภาพ และความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไมซ์ของจังหวัดและประเทศไทยในระดับนานาชาติ”

นายอนุศักดิ์ กล่าวด้วยว่า อุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ เพราะเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสภพาการณ์อุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยในขณะนี้ถือว่ามีการเติบโตตามตลาดโลก โดยเฉลี่ยปีหนึ่งจะมีผู้เดินทางกลุ่มไมซ์เข้ามายังประเทศไทยประมาณ 700,000 คน สร้างรายได้เข้าประเทศประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ได้ตั้งเป้าจำนวนผู้เดินทางกลุ่มไมซ์จำนวน 720,000 คน สร้างรายได้ประมาณ 57,000 ล้านบาท

ขณะที่นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างกันนั้นถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่หน่วยงานภาครัฐทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันดำเนินนโยบายเชิงรุก ผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยให้กลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะสร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด หรือยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างชัดเจน คือ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีเอกลักษณ์วัฒนธรรม และมีการพัฒนาที่ยั่งยืน มีแผนพัฒนา มีโครงการที่ชัดเจน รวมถึงโครงการสำคัญที่รัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว เช่น โครงการขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ต โครงการก่อสร้างหอประชุมนานาชาติ เป็นต้น โดยในแต่ละปีภูเก็ตมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนหลายล้านคน ในจำนวนนั้นมีนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้เดินทางกลุ่มไมซ์รวมอยู่ด้วย

ความพร้อมของภูเก็ตในการรองรับการเป็นนครแห่งไมซ์นั้น จะมีทั้งการคมนาคมขนส่ง มีสนามบินนานาชาติที่สามารถรองรับผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศได้ปีละ 6.5 ล้านคน มีการทำการบินเฉลี่ยสัปดาห์ละ 416 เที่ยวบิน และมีโครงการขยายท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตเป็น 12.5 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณปี 2555 นอกจากนี้ยังมีโรงแรมระดับ 5 ดาว 4 ดาว 3 ดาว และอื่นๆ จำนวน 628 แห่ง ห้องพักจำนวน 37,543 ห้อง และมีแนวโน้มการขยายตัวของโรงแรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตร้อยละ 6.6 ต่อปี ประกอบกับเอกลักษณ์ของจังหวัดที่เป็นแหล่งรวมศิลปวัฒนธรรม มีธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่โดดเด่น รวมถึงพื้นที่ในจังหวัดกลุ่มอันดามันที่อยู่ระหว่างเสนอให้เป็นพื้นที่มรดกโลก

ค่าโดยสารรถรับจ้างเมืองป่าตองที่ไม่เกิน 200 บาท


เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2554 ที่ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะทำงานกำหนดค่าโดยสารรถรับจ้าง เขตพื้นที่ป่าตอง โดยมีนายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายศิริพัฒ พัฒกุล นายอำเภอกะทู้ นายกนก ศิริพาณิชกร ขนส่งจังหวัดภูเก็ต พ.ต.ท.จักวรรดิ บุญทวีกุลสวัสดิ์ สวป.สภ.กะทู้ และนายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานสหพันธ์รถบริการป่าตองสัมพันธ์ เข้าร่วมหารือและพิจารณาอัตราค่าโดยสาร

นายตรี กล่าวว่า ด้วยที่ผ่านมาทางจังหวัดภูเก็ตได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยว เกี่ยวกับราคาค่าโดยสารรถรับจ้าง ทั้งรถตุ๊กตุ๊กและรถแท็กซี่ที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงได้มีการตั้งคณะทำงานกำหนดค่าโดยสารรถรับจ้าง เขตพื้นที่ป่าตองขึ้น โดยมอบหมายให้นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน

เพื่อหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานขนส่งจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ประกอบการรถรับจ้าง เพื่อกำหนดราคาค่าโดยสารรถรับจ้างทุกประเภทซึ่งประกอบกิจการในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองป่าตองให้มีราคามาตรฐานและเป็นธรรม กำหนดมาตรการควบคุมและบังคับใช้ราคาค่าโดยสารให้เป็นไปตามที่กำหนด กำหนดระเบียบการแต่งกายและระเบียบวินัยของผู้ประกอบการรถรับจ้างทุกประเภทเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสร้างความประทับใจแก่ผู้รับบริการ รวมทั้งกำหนดมาตรการอื่นๆตามความเหมาะสมและจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบรถรับจ้าง

จากการหารือของคณะทำงานฯ ได้ข้อสรุปว่าจะใช้ราคาค่าโดยสารที่ทางสมาพันธ์รถบริการป่าตองสัมพันธ์ และบริษัท ไม้ขาว สาคู จำกัด ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นราคามาตรฐานเดียวกันทั้งจังหวัด โดยราคาค่าโดยสารของทั้งสองบริษัทจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่จะปรับราคาให้เท่ากัน เช่น จากป่าตองไปสนามบินภูเก็ตอยู่ที่ 800 บาท หากบริการไป-กลับราคา 1,500 บาท, ป่าตอง-วัดฉลอง 500 บาท, ป่าตอง-แหลมพรหมเทพ 600 บาท, ป่าตอง-เมืองภูเก็ต 500 บาท, เมืองภูเก็ต-หาดกะรน 550 บาท เป็นต้น

นายตรี กล่าวด้วยว่า อัตราค่าโดยสารระยะทางไกลๆ นั้นไม่ค่อยจะมีปัญหามากนัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวยอมรับได้ แต่การใช้บริการระยะสั้น โดยเฉพาะในเขตพื้นที่รอบเมืองป่าตองจะมีปัญหาร้องเรียนค่อนข้างมาก เนื่องจากผู้ให้บริการคิดอัตราค่าโดยสารที่ไม่เท่ากัน แม้ว่าจะเดินทางในระทางทางหรือจุดเดียวกัน เช่น บางคันเก็บ 100 บาท บางคันเก็บ 200 บาท บางคัน 300 บาท เป็นต้น ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่าถูกโกงราคาค่าโดยสาร ซึ่งทางคณะทำงานฯ ได้กำหนดราคาที่ชัดเจนแล้ว โดยการใช้บริการในเขตพื้นที่เมืองป่าตองจะเก็บราคาค่าโดยสารได้ไม่เกิน 200 บาท ต่อจำนวนผู้โดยสาร 4 คน และสามารถที่จะต่อรองราคาให้ต่ำลงมาได้ แต่หากผู้โดยสารเกิน 4 คนก็สามารถคิดได้ตามความเหมาะสม ทั้งการกำหนดราคาดังกล่าวจะมีการหารืออีกครั้งในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

“การประกาศใช้ราคาค่าโดยสารดังกล่าวจะได้มีการประชาสัมพันธ์ให้กับทั้งผู้ประกอบการรถรับจ้าง โรงแรมต่างๆ และนักท่องเที่ยวได้รับทราบต่อไป ซึ่งป้ายประกาศจะมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยใช้ป่าตองเป็นพื้นที่นำร่องก่อนที่จะมีการขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ พร้อมกันนี้ก็จะตั้ง call center รับเรื่องร้องเรียนหากนักท่องเที่ยวรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมราคาค่าโดยสารรถรับจ้าง คาดว่าจะเริ่มประกาศใช้อย่างเป็นทางการได้ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้”

นายตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนการลงโทษผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ หากไม่ปฏิบัติตามก็สามารถที่จะลงโทษได้ เช่นเดียวกับที่ถนนทวีวงศ์ ริมหาดป่าตองที่มีการแบ่งพื้นที่จอดรถระหว่างรถเช่าและรถนักท่องเที่ยวที่ดำเนินการมาตั้งแต่ 30 ธันวาคม2553 ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี ส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีพื้นที่จอดรถมากขึ้น ซึ่งจะได้ประเมินเป็นระยะๆ

ขณะที่นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานสหพันธ์รถบริการป่าตองสัมพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันรถรับจ้างในพื้นที่ป่าตองที่ไม่สังกัดกับทางสหพันธ์ฯ มีประมาณ 15% แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาและทางผู้ประกอบการดังกล่าวก็น่าจะให้ความร่วมมือกับทางจังหวัดเป็นอย่างดี หลังจากการหารือได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว จะมีการขึ้นป้ายประกาศประชาสัมพันธ์ในเขตเทศบาลเมืองป่าตองประมาณ 5-6 จุด เพื่อให้เป็นที่รับทราบโดยทั่วไป ส่วนของการจัดทำ call center นั้นก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ

ภูเก็ตเร่งวางมาตรการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำทั้งจังหวัด


เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2554 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะทำงาน เรื่อง การวางมาตรการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำประปาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีหน่วยงานราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอเมืองภูเก็ต นายอำเภอกะทู้ สำนักงานทางหลวงชนบท แขวงการทางจังหวัดภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอก เป็นต้น

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ด้วยจังหวัดภูเก็ตได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่เกี่ยวกับปัญหาน้ำประปาโดยมีข้อเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบวางท่อของการประปาไปยังพื้นที่ หมู่บ้าน ชุมชน เช่น กรณีนายประพันธ์ ถิ่นเกาะยาว และชาวบ้านตำบลป่าคลอกประมาณ 20 คน ได้มาร้องเรียนขอให้แก้ไขปัญหาในจังหวัดภูเก็ต และที่ประชุมมีมติในประเด็นเพิ่มเติมให้ตั้งคณะทำงานเพื่อวางมาตรการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำประปาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ในระยะยาวที่เป็นระบบ ทั้งนี้ที่ประชุมมีความเห็นให้ขอความร่วมมือองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จัดตั้งงบประมาณเพื่อวางท่อเมนตามแนวถนนสายหลัก และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ต่อท่อสาขาไปยังพื้นที่ชุมชนเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน

นายเสถียร แก้วพระปราบ ผู้อำนวยการกองแผนและงบประมาณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาน้ำในภาพรวมของทั้งจังหวัดอยู่โดยได้ดำเนินการผ่านคลินิกเซ็นเตอร์ และในปีงบประมาณ 2553 ได้สนับสนุนงบประมาณในการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำและจัดทำระบบประปาหมู่บ้านของ อบต.เกาะแก้ว และ อบต.ไม้ขาว จำนวน 11 ล้านบาท ส่วนในปีงบประมาณ 2554 ยังได้อนุมัติงบประมาณสำหรับจัดทำระบบประปาให้กับ อบต.กมลา จำนวน 20 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้มีการอนุมัติงบประมาณสำหรับการจัดทำฐานข้อมูลแหล่งน้ำของจังหวัดภูเก็ตด้วย

ในส่วนของแนวทางในการจัดวางท่อเมนตามถนนสายหลักนั้นก็ยังคงติดปัญหาในเรื่องของข้อกฎหมายและพื้นที่ เพราะเรื่องของการวางท่อส่งน้ำเป็นภารกิจของการประปาส่วนภูมิภาคไม่ใช่ภารกิจขององค์การบริหารส่วนจังหวัดโดยตรง ซึ่งประเด็นเหล่านี้คงต้องมีการหารือกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อจะได้หาทางออกร่วมกัน นายเสถียร กล่าว

นอกจากนี้ยังได้มีการรายงานสถานการณ์แหล่งน้ำของจังหวัดภูเก็ตด้วยว่า ขณะนี้มีอ่างเก็บน้ำหลัก รวม 3 แห่งด้วยกัน คือ อ่างเก็บน้ำบางวาด ซึ่งส่งน้ำให้กับประชาชนในเขต อ.เมืองภูเก็ต และกะทู้บางส่วน อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ รองรับประชาชนในพื้นที่ อ.ถลาง ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่มีการวางท่อเมนในการส่งน้ำ โดยทางจังหวัดได้อนุมัติงบประมาณปี 2555 จำนวน 40 ล้านบาท สำหรับวางท่อเมนส่งน้ำ และอ่างเก็บน้ำคลองกระทะ อ.เมือง ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อเสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2555


ทน.ภูเก็ตร่วมอาชีวะเติมอาชีพการทำขนมพื้นเมืองให้ชาวบ้าน


เมื่อวันที่ 27 มกราคม 54 ที่ ห้องโสตทัศนศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการการฝึกอบรมอาชีพในชุมชน หลักสูตร “การทำอาหารและขนมพื้นเมืองภูเก็ต” พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาล สมาชิกสภาเทศบาล ปลัดเทศบาล ผู้อำนวยการกอง หัวหน้าส่วน พนักงานเทศบาล พร้อมด้วยประชาชนทั่วไปในพื้นที่เทศบาลนครภูเก็ต จากชุมชนต่างๆ จำนวน 25 คน เข้าร่วม

ทั้งนี้นางสาวสมใจ ได้กล่าวว่า ทางคณะผู้บริหารเทศบาลนครภูเก็ต ได้ตระหนักถึงความสำคัญและมีนโยบายให้การสนับสนุนการฝึกอาชีพแก่ประชาชนทุกระดับในเขตเทศบาลนครภูเก็ต มาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความรู้ ความสามารถ ด้านอาชีพต่างๆ ตลอดจนการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนของตนเอง ดั้งนั้นทางกองสวัสดิการสังคม จึงได้ลงพื้นที่สำรวจความความคิดเห็น ความต้องการของประชาชน เพื่อนำมาจัดทำโครงการฝึกอาชีพ หลักสูตรระยะสั้น เพื่อให้ประชาชนนำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไปประกอบเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริมให้กับครอบครัวได้ เป็นการยกระดับสภาพความเป็นอยู่ทางด้านเศรษฐกิจให้ดีขึ้น

สำหรับการอบรมการทำอาหารและขนมพื้นเมืองภูเก็ตครั้งนี้ ได้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 27 – 28 มกราคม 2554 โดยได้รับการสนับสนุนวิทยากรจาก นายนิธิ ชัยพรริยะพงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการศึกษา นางกาญจนา ทรงยศ รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนงานและความร่วมมือ คณะอาจารย์จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต ในการทำอาหารขนมพื้นเมืองครั้งนี้

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

สภ.เมืองภูเก็ต จัด “โครงการโรงแรมสีขาว”


เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2554 ที่ห้องประชุมโรงแรมเวสทิน สิเหร่เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการรณรงค์ป้องกัน และลดการแพร่ระบาดของยาเสพติด ตามโครงการโรงแรมสีขาว ระหว่างสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต กับโรงแรมเวสทิน สิเหร่เบย์ฯ โดยมีผู้ลงนาม ประกอบด้วยนายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต พ.ต.อ.วันชัย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต Mr.Sean Raine ผู้จัดการโรงแรมสิเหร่เบย์ฯ นายศักดิ์ แท่นชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และนายเวียง สุวรรณะ นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ต

พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้ทำโครงการโรงแรมสีขาว(ปลอดยาเสพติด)ขึ้น เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของยาเสพติด แสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและประชาชนทุกสาขาอาชีพ เพื่อร่วมมือกันระดมความคิดในการรณรงค์ป้องกันและลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดแบบยั่งยืน ซึ่งสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการนั้นจะต้องไม่มีผู้ผลิต ผู้เสพและผู้ค้าแม้แต่เพียงผู้เดียว โดยสถานที่หรือบริเวณโรงแรมตั้งอยู่จะต้องไม่มีผู้ผลิตยาเสพติดแม้แต่เพียงผู้เดียว โรงแรมนั้นจะต้องไม่มีผู้ค้าหรือจำหน่ายยาเสพติดแม้แต่เพียงผู้เดียว จะต้องไม่มีผู้เสพยาเสพติดแม้แต่เพียงผู้เดียว รวมถึงผู้ที่เข้าพักอาศัยหรือบริเวณอาณาเขตของโรงแรมด้วย

“ผู้เสพยาเสพติดที่ไม่อยู่ในโรงแรม หากได้ดำเนินการนำเข้ารับการบำบัดรักษาตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขในขณะที่ไปทำการตรวจสอบข้อมูลจะถือว่าไม่มีผู้เสพติด แต่หากผู้ที่เคยผ่านการบำบัดรักษามาแล้ว กลับมาเสพติดอีกในช่วงเวลาที่เข้าทำการตรวจสอบข้อมูล ให้ถือว่าโรงแรมนั้น ยังมีผู้เสพยาเสพติดอยู่ ซึ่งเมื่อผ่านหลักเกณฑ์การกลั่นกรองจากคณะกรรมการร่วมระหว่างตำรวจกับโรงแรมแล้วจึงประกาศเป็นโรงแรมสีขาว”

พ.ต.อ.วันไชย กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการลงนามกันนั้น ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจในเรื่องขั้นตอนและวิธีการดำเนินโครงการโรงแรมสีขาว ในกรณีที่สงสัยหรือมีเหตุอันควรสงสัยพนักงานหรือผู้เข้าพักอาศัยว่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าสุ่มตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดได้ นอกจากนี้จะร่วมมือกันประชาสัมพันธ์รณรงค์ตามมาตรการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดให้กับพนักงานและผู้ที่เข้าพักอาศัยทราบ หากพบหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าน่าจะมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจะแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ตลอดจนจะประสานและร่วมมือกันจัดทำกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ เพื่อรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดตามที่แต่ละฝ่ายร้องขอด้วย

Andaman Paradise, More to Explore



เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2554 ที่ ห้องภูเก็ตแกรนด์บอลรูม 2 โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 โครงการบูรณาการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอันดามันสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลกบนฐานความเข้มแข็งของชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งทางสำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน จัดขึ้น เพื่อนำเสนอแผนแม่บทและแผนการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์ เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลกบนฐานความเข้มแข็งของชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนสถาบันการศึกษา สื่อมวลชนในพื้นที่ กลุ่มจังหวัดอันดามัน (ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่และตรัง) เข้าร่วม

นายพิชิต บุญรอด นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดอันดามัน (OSM) กล่าวว่า จากที่ได้มีการรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มีข้อเสนอกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวอันดามัน โดยกำหนดวิสัยทัศน์ Andaman Paradise, More to Explore มีเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก ปลอดภัย และประทับใจ, พื้นที่และบริการของอันดามันจะต้องสะอาด สะอาดและสะอาด, แหล่งท่องเที่ยว และสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการนำเสนอคุณค่าทางใจที่สะท้อนความเป็นประวัติศาสตร์ ประเพณีวัฒนธรรม หรือวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของอันดามันเสมอ ตลอดจนนักท่องเที่ยวประทับใจและต้องการกลับมาเที่ยวอีก

ในส่วนของประเด็นยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 1.การพัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อการท่องเที่ยวอันดามัน ได้แก่ การพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงอันดามัน พัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเมืองและระหว่างเมือง ยกระดับคุณภาพบริการข้อมูลข่าวสารเพื่อการท่องเที่ยว 2.การพัฒนาสิ่งแวดล้อม สร้างบรรยากาศที่เป็นสวรรค์ให้กับนักท่องเที่ยว ได้แก่ การฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวให้กลับสู่ความเป็นธรรมชาติ สร้างอันดามันเป็นพื้นที่สะอาด มีไมตรี และสร้างอันดามันเป็นพื้นที่ปลอดภัย 3.การยกระดับคุณภาพของบริการท่องเที่ยวของธุรกิจทุกประเภท ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพบุคลากรผู้ให้บริการ ส่งเสริมระบบราคาที่เป็นธรรมและโปร่งใส 4.การส่งเสริมการพัฒนาสินค้าชุมชนและบริการชุมชนสู่ตลาดอันดามัน ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมช่องทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์สินค้า พัฒนาความสามารถในการจัดการเชิงธุรกิจของเครือข่าย/วิสาหกิจชุมชน และ 5.การสร้างมูลค่าเพิ่มตามนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้แก่ การฟื้นฟูเรื่องราวและประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าของท้องถิ่น ส่งเสริมกระบวนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการผ่านเรื่องราวและทรัพยากรที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น นายพิชิตกล่าว

ทั้งนี้สิ่งที่จะนำไปสู่เป้าหมายของการเป็นสวรรค์อันดามัน (Andaman Paradise) ด้วยการรักษาคุณภาพของสิ่งแวดล้อม ความสวยงามของทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น คือ การคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของอันดามัน ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้อันดามันเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลได้อย่างยั่งยืน, รักษาความสะอาด ความปลอดภัย ทำให้เป็นเมืองน่าอยู่ ดึงดูดนักท่องเที่ยว ดึงดูดการลงทุน, การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ชุมชน ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสมีไมตรีจิต นักท่องเที่ยวประทับใจ มาซ้ำ บอกต่อ และทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่คุ้มค่า คุ้มราคา สำหรับคนทุกกลุ่ม กับเป้าหมายของการเป็น More to Explore มีการเชื่อมโยงความเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลกกับสินค้าท่องเที่ยวและการบริการที่มีชุมชนเป็นฐาน ด้วยการขยายช่องทางประชาสัมพันธ์สินค้าท่องเที่ยว ผลผลิตการเกษตร ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของชุมชน กับตลาดนานาชาติ, เชื่อมโยง Strategic Positioning ของแต่ละพื้นที่กับการพัฒนาสินค้าและบริการของชุมชน และเชื่อมโยงการเดินทางจากจุดเชื่อมต่อที่สำคัญไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่บริหารจัดการโดยเฉพาะชุมชน ซึ่งทั้งหมดมีกิจกรรมนำร่อง ได้แก่ การจัดทำฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดอันดามัน การจัดทำแผนส่งเสริมชุมชนท่องเที่ยว การจัดทำเว็บไซต์ การจัดทำคู่มือท่องเที่ยวและโบรชัวร์ และการพัฒนาหลักสูตรและดำเนินการอบรมนำร่อง

เลือกภูเก็ตจัดงาน Asia Pacific Advertising Festival ครั้งที่ 14


เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2554 ที่โรงแรมโมเวิ่นพิค รีสอร์ท แอนด์ สปา หาดกะรน จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวินิจสุรพงษ์ชัย นายกสมาคมโฆษณาเอเชียแปซิฟิก ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมโฆษณาเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 14 หรืองาน Asia Pacific Advertising Festival (ADFEST) นายสมชาย ศิลปานนท์ นายกสมาคมโรงแรมหาดกะตะ-กะรน และนายวันชัย แซ่ตัน ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลกะรน ร่วมกันแถลงข่าวการจัดมหกรรมโฆษณาเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 14 ซึ่งกำหนดให้มีขึ้นในระหว่างวันที่ 17-19 มีนาคม 2554

นายวินิจ กล่าวว่า การจัดงาน ADFEST เป็นงานมหกรรมโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 14 แล้ว เหตุที่เลือกภูเก็ตเป็นสถานที่จัดงาน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยว และเป็นจุดหมายที่ปลายทางของคนทั่วโลกที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานประมาณ 900-1,000 คน และจะมีผลงานโฆษณาประเภทต่างๆ ส่งเข้าร่วมประกวดจำนวนประมาณ 3,000 ชิ้นงาน จากสมาชิก 30 ประเทศ

“การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อเป็นเวทีให้นักสร้างสรรค์โฆษณานำผลงานเข้าร่วมประกวดในระดับเอเชียแปซิฟิก เป็นการเสริมสร้างมาตรฐานขีดความสามารถความคิดสร้างสรรค์และจรรยาบรรณ รวมทั้งเพื่อให้เป็นสถาบันที่อนุรักษ์วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และจิตสำนึกของความเป็นเอเชียแปซิฟิก เพื่อมิให้อิทธิพลของตะวันตกกลืนความเป็นเอกลักษณ์ดังกล่าวไป ตลอดจนเพื่อให้เป็นเวทีสำหรับผู้ที่อยู่ในวงการวิชาชีพโฆษณา การผลิต การตลาด และผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสถาบันการศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้จากชิ้นงานโฆษณาดีเด่นเป็นจำนวนมาก”

นายวินิจ กล่าวด้วยว่า นอกจากจะมีการประกวดผลงานโฆษณาแล้ว ภายในงานยังจัดให้มีการสัมมนาและบรรยายต่างๆ รวมทั้งการจัดงานนิทรรศการ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้มีส่วนร่วมและเป็นการพัฒนาศักยภาพของผู้ทำงานทางด้านโฆษณา และการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดงานจะเป็นการเน้นให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมของประเทศไทยในวงการโฆษณาในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกทางหนึ่ง เพราะจะสามารถช่วยสร้างรายได้ให้กับพื้นที่ที่มีการจัดงานด้วย

ขณะที่นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า นับเป็นเรื่องที่ดีที่ทางผู้จัดงานเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่จัดงาน เพราะจะช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตอีกทางหนึ่ง โดยการจัดงานครั้งนี้มีผู้ที่จะเดินทางเข้ามาร่วมงานมาจาก 30 ประเทศ มีคนเข้าร่วมประมาณ 1,200 คน ซึ่งจังหวัดภูเก็ตมีความพร้อมทั้งสถานที่การจัดงาน และการดูแลความปลอดภัย


 

“ควิกแสบ ฟุตซอลแชมป์ชนแชมป์ 2010 รอบคัดเลือกภาคใต้”


เมื่อวันที่ 26 มกราคม 54 ที่สนามโรงยิมเนเซียม โรงเรียนสตรีภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการแข่งขัน “ควิกแสบ ฟุตซอลแชมป์ชนแชมป์ 2010 รอบคัดเลือกภาคใต้ ที่สนามแข่งขันโรงเรียนสตรีภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งทางบริษัท โรงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 26 – 28 มกราคม 2554 โดยมีนายสมประสงค์ เอี่ยมสกุล ที่ปรึกษารมว.กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีภูเก็ต ตัวแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์จังหวัดภูเก็ต ร่วมในพิธีในวันนี้
ทั้งนี้นายเบญญาภา ปริญณรัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ควิกแสบ กล่าวว่า การจัดการแข่งขันควิกแสบ ฟุตซอลแชมป์ชนแชมป์ ประจำปี 2553 ระหว่างวันที่ 26 – 28 มกราคม 54 เป็นรอบคัดเลือกภาคใต้ โดยจังหวัดเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 8 จังหวัด ประกอบด้วย พังงา สตูล นครศรีธรรมราช ยะลา ตรัง สงขลา ระนอง และภูเก็ต เพื่อนำทีมชนะเลิศไปแข่งขันในรอบแชมป์ชนแชมป์ ที่กรุงเทพฯต่อไป

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

สถานบันเทิงเมืองภูเก็ต ยื่นหนังสือขอผ่อนผันเวลาเปิด - ปิด


เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 มกราคม 2554 ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต กลุ่มผู้ประกอบการสถานบริการเมืองภูเก็ต จำนวนประมาณ 500 คน นำโดยนายสุรทิน เลี่ยนอุดม ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบริการเมืองภูเก็ต ได้รวมตัวกัน เพื่อผ่อนผันเวลาเปิดปิดสถานบริการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมกันนี้ยังได้ยื่นหนังสือร้องเรียนความเดือดร้อนและขอให้ผ่อนผันเวลาเปิด - ปิดสถานบริการให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่านทางนายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต

โดยนายสุรทิน กล่าวว่า ตามที่ได้มีนโยบายให้สถานบริการในพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ตปิดให้บริการเวลา 01.00 น.ทุกประเภทโดยไม่มีข้อยกเว้น ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติดำเนินการตามนโยบายอย่างเข้มงวดกวดขัน และเข้าดำเนินการจับกุมผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนเปิดเกินเวลาดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการสถานบริการและลูกจ้าง ตลอดจนประชาชนผู้ซึ่งประกอบอาชีพอันเกี่ยวข้องกับสถานบริการได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เข้าใช้บริการหลังเวลา 23.00 น. เป็นต้นไป ทำให้สถานบริการจะเริ่มมีผู้ใช้บริการเต็มที่ในเวลาประมาณ 24.00 น. ฉะนั้นหากต้องปิดให้บริการในเวลา 01.00 น.แล้ว ก็มีเวลาในการให้บริการประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งเป็นเวลาเพียงนิดเดียวทำให้รายได้ไม่พอกับรายจ่าย กิจการขาดทุนและไม่สามารถประกอบกิจการต่อไปได้ เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการสถานบริการตลอดจนพนักงาน ลูกจ้าง และผู้เกี่ยวข้องได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น จึงยื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องขอผ่อนผันเวลาเปิด-ปิดสถานบริการ โดยขอผ่อนผันเวลาปิดสถานบริการประเภทสถานบันเทิงเป็นเวลา 02.00 น., ขอผ่อนผันเวลาปิดบริการร้านอาหารประเภทขายอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ประเภทการ์เด้นท์ ร้านอาหารอื่นๆ เป็นเวลา 04.00 น.และขอผ่อนผันให้มีการขายสุราและเครื่องดื่มตามเวลาที่ขอผ่อนผันไปข้างต้น ทั้งนี้ทางสมาชิกชมรมผู้ประกอบการฯ ขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินการช่วยเหลือทางราชการ และจะดูแลจัดระเบียบสังคมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตให้เกิดความเรียบร้อยปราศจากสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น โดยจะกำหนดมาตรการอย่างเคร่งครัด ได้แก่ 1.ห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการอย่างเด็ดขาด 2.จะกวดขันดูแลไม่ให้มียาเสพติดทุกประเภทในสถานบริการ ตลอดจนให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสผู้ค้า ผู้เสพ และผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้กับทางราชการ 3.จะกวดขันไม่ให้มีการพกพาอาวุธเข้าไปในสถานบริการและดูแลไม่ให้มีการก่ออาชญากรรมใดๆ ทั้งสิ้น 3.จะไม่ให้การค้ามนุษย์ ตลอดจนโชว์ลามกอนาจารทุกประเภท และ 4.จะปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และทำตามนโยบายของทางจังหวัดเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยอย่างเต็มที่ นายสุรทินกล่าว

อย่างไรก็ตามนายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังการรับมอบหนังสือฯ ว่า จะนำหนังสือดังกล่าวไปยังผู้มีอำนาจพิจารณา เพราะเรื่องเวลาเปิดปิดสถานบันเทิงเป็นข้อกำหนดในกฎหมาย ซึ่งเหตุที่มีความเข้มงวดดังกล่าวเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ก็จะได้เชิญเจ้าของสถานประกอบการมาหารือถึงแนวทางในการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง


จังซีลอนป่าตองเตรียมจัดงานเทศกาลบตรุษจีน


นายประวิช จรรยาสิทธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต เตรียมจัดงาน “Jungceylon Chinese New Year 2011” ว่า ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต เตรียมจัดงาน “Jungceylon Chinese New Year 2011” เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง ด้วยการยกขบวนสุดยอดการแสดงเชิดสิงโตกวางตุ้งผาดโผน ต่อตัวบนกระบอกไม้ไผ่บนความสูงกว่า 10 เมตร พร้อมชมขบวนแห่มังกรทองพ่นน้ำพ่นไฟความยาวกว่า 50 เมตรจากคณะมังกรทองนครสวรรค์สุดอลังการ รวมทั้งไฮไลท์การแสดงชุดพิเศษ “อุปรากรงิ้วเปลี่ยนหน้ากาก” ที่จะมาร่ายรำ พร้อมโชว์ลีลาการเปลี่ยนหน้ากากนับสิบหน้าอย่างรวดเร็วภายในเสี้ยววินาที ให้ได้ชมและสัมผัสกับความตื่นตาตื่นใจกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังได้จัดแคมเปญ “อั่งเปาสุดคุ้ม” เพื่อมอบอั่งเปาส่วนลดและสิทธิพิเศษมากมายจากร้านค้าต่างๆภายในศูนย์ฯให้กับนักท่องเที่ยวที่มาช้อปปิ้งตลอดเดือนกุมภาพันธ์อีกด้วย

ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนภาคใต้ และผู้ที่สนใจร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อความโชคดีมีชัยตลอดทั้งปีในงาน “Jungceylon Chinese New Year 2011” กันได้ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 ตั้งแต่เวลา 19.00-22.00 น. ณ โซนเดอะพอร์ท ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 076-600-111

งานเฉลิมฉลองตรุษจีน สายสัมพันธ์ ไทย – จีน

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2554 ที่ห้องดาวดึงส์ อุทยานอาหารไทนาน นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองตรุษจีน “สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน ไทย – จีน” ซึ่งจัดโดยสำนักงานHANBAN ประจำประเทศไทย สถาบันขงจื๊อมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต และห้องเรียนขงจื๊อโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมธี สรรพานิช รองอธิการบดีวิทยาเขตภูเก็ต นางสาวสดศรี ตันสุธัญลักษณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย และ Dr.Ren Jianting ผู้อำนวยการสถาบันขงจื๊อภูเก็ต ฝ่ายจีน และมีอาสาสมัครชาวจีนที่เดินทางมาสอนภาษาจีนเข้าร่วมจำนวนมาก

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนให้กับอาสาสมัครชาวจีนที่สอนอยู่ในจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ทางผู้อำนวยการแต่ละสถาบัน ยังได้ขึ้นกล่าวอวยพร เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองตรุษจีนประจำปี 2554 ซึ่งภายในงานมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมจีนจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยครูกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 10 ชุดด้วยกัน