จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ให้กำลังใจแก่น้องๆ ผู้พิการ



เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 ทีมการตลาดโรงพยาบาลสิริโรจน์ Phuket International Hospital ออกไปแบ่งปันความรัก และเป็นกำลังใจให้กับน้องๆ ผู้พิการ ในพิธีมอบทุนการศึกษา มูลนิธิวิทยุการบินแห่งประเทศไทย ศูนย์ควบคุมการบินภูเก็ต โดยการแสดงนิทานหุ่นมือให้ น้องๆ และผู้ที่มาร่วมงานได้รับชมพร้อมแฝงคติสอนใจ และสาระสำคัญลงไปในการแสดง ผู้มาร่วมงานต่างเพลิดเพลิน และสนุกกับการแสดงละครหุ่นมือกันอย่างต่อเนื่องกว่า 3 เรื่อง



นทท.สายการบินออสเตรเลียตกค้างที่ภูเก็ต



เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2555 นายประเทือง ศรขำ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว กรณีนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียซึ่งต้องเดินทางออกจากสนามบินภูเก็ต เมื่อเวลา 19.30 น.ของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เที่ยวบิน VC 241 ด้วยเครื่องบิน A 330-200 ของสายการบินวีออสเตรเลีย เส้นทางภูเก็ต-บิสเบน ออสเตรเลีย จำนวน 264คน แต่ไม่สามารถเดินทางได้ เนื่องจากสายการบินดังกล่าวประสบปัญหาล้มละลาย ว่า ในส่วนของตนนั้นทราบปัญหาในช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มของคืนดังกล่าว ก็ได้เข้ามาช่วยดูและและอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารดังกล่าวเท่าที่จะทำได้ โดยได้มีการประสานงานกับทางกงสุลออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ต และเบื้องต้นนักท่องเที่ยวทั้งหมดได้เดินทางกลับไปยังโรงแรมที่พักและมีบางส่วนประมาณ 30-40 คน ก็ได้เดินทางกลับมายังสนามบินเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (17 ก.พ.55) เพื่อรอซื้อตั๋วเดินทางกลับ แต่ค่อนข้างลำบากเนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงไฮซีซันเครื่องบินส่วนใหญ่จะเติม
"จากการประสานกับทางกงสุลออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ต ทราบว่าได้มีการติดต่อประสานงานกับสายการบินเจ็ทสตาร์ ซึ่งเดินทางซิดนีย์ในการรับผู้โดยสารที่ตกค้างและจำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับไปก่อน ทั้งนี้ผู้โดยสารจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 200 เหรียญสหรัฐ รวมไปถึงสายการบินอื่นๆ เช่น เจ็ทสตาร์สิงคโปร์ ไทเกอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบินของสายการบินดังกล่าวที่จะต้องนำผู้โดยสารออกจากภูเก็ต ไปยังเมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย เที่ยวบิน VC 247 อีกจำนวนประมาณ 200 กว่าคน ในเวลาประมาณ 18.50 น ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่จะมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ ก็จะมีทางบริษัททัวร์มาดำเนินการในการจัดหาเครื่องบินให้ แต่ที่ไม่ได้มากับทัวร์ก็จะมารอหาซื้อตั๋วเพื่อเดินทางกลับ โดยมีทางกงสุลมาคอยประสานงานและดูแลความสะดวก"
นายประเทือง กล่าวว่า เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงไฮซีซันทำให้เที่ยวบินต่างๆ จะมีผู้โดยสารค่อนข้างเต็ม จึงทำให้หาที่นั่งให้กับผู้โดยสารค่อนข้างยาก ดังนั้นจะต้องมารอเพื่อซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ โดยในส่วนของท่าอากาศยานภูเก็ตก็ได้มีการอำนวยความสะดวกตามขีดความสามารถที่ทำได้ โดยสายการบินวีออสเตรเลีย เดินทางเข้ามายัง จ.ภูเก็ต สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน ทุกวันอาทิตย์ วันอังคาร วันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ในช่วงเวลาประมาณ 19.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถเดินทางกลับได้นั้น โดยบางส่วนที่จำเป็นจะต้องเดินทางกลับก่อนต่างมารอเพื่อซื้อตั๋วโดยสารที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานของสายการบินต่างๆ ซึ่งตั้งอยู่ชั้น 3 ของท่าอากาศยานภูเก็ต ในอิริยาบถที่แตกต่างกันไป และจากการสอบถามนาย Tyson Bradshow หนึ่งในผู้โดยสารที่ไม่สามารถเดินทางกลับได้ กล่าวว่า ไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่ก็ไม่ได้วิตกกังวลอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องการก่อการร้าย ซึ่งในระหว่างรอก็ได้รับการดูแลจากทางกงสุลออสเตรเลียและท่าอากาศยานภูเก็ตเป็นอย่างดี 

นักเรียนอินเตอร์สิงคโปร์ดูงาน



นพ.อนันต์ โลหะพัฒนบำรุง ผู้ช่วยผู้อำนวยการ นำทีมเจ้าหน้าที่การตลาดต่างประเทศ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ร่วมให้การต้อนรับคณะนักเรียนจากโรงเรียนสิงคโปร์ อเมริกัน อินเตอร์แนชั่นแนล (Singapore American International School, SAS) จากประเทศสิงคโปร์ ในโอกาสเข้าเยี่ยมศึกษาการให้บริการทางการแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ และผ่านการรับรองคุณภาพโรงพยาบาลจากสถาบันต่างๆ มากมาย ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก 
 
 

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เตรียมพร้อมรับมือสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง



เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องศรีตรัง โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ โครงการเสริมสร้างการรับมือของเมืองกับการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ (Mekong-Building Climate Resilient Asian Cities : M-BRACE) เรื่อง ย้อนอดีต มองปัจจุบัน เพื่อวันพรุ่งนี้ สู่ภูเก็ตที่ยั่งยืน ซึ่งทางสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ร่วมกับองค์กร ISET (Institute for Social and Environmental Transition) จัดขึ้น โดยมีผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และองค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่เข้าร่วม ประมาณ 40 คน
สำหรับการจัดประชุมเชิงปฏิบัติดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจากเมืองภูเก็ตได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการเสริมสร้างการรับมือของเมืองกับการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ (Mekong-Building Climate Resilient Asian Cities : M-BRACE) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก The United States Agency for International Development (USAID) ซึ่งมีสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ร่วมกับองค์กร ISET เป็นผู้ดำเนินการหลักในประเทศไทย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เกิดการเปลี่ยนข้อมูลและเรียนรู้ร่วมกันเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองภูเก็ต ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไปสู่การวางแผนพัฒนาเมืองในอนาคตภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแก่หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานและภาคส่วนต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต โดยการแบ่งปันข้อมูลความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ระหว่างหน่วยงาน รวมถึงการเปิดรับความรู้ใหม่ๆ ในประเด็นของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการพัฒนาเมือง
อย่างไรก็ตามการดำเนินโครงการเสริมสร้างการรับมือของเมืองกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้รับการสนับสนุนจากองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือ USAID โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี เริ่มตั้งแต่กลางปี 2554 จนถึงปี 2557 โดยมีเป้าหมายในการสร้างความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้แก่เมือง เทศบาลและท้องถิ่น ซึ่งการดำเนินโครงการในระยะเริ่มต้น สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยร่วมกับ ISET ได้ดำเนินการคัดเลือกเมืองใน ประเทศไทย จำนวน 2 เมืองเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ เมืองอุดรธานี และเมืองภูเก็ต เพื่อพัฒนาศักยภาพ เสริมสร้างความรู้และความเข้าใจ เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเสี่ยง และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์และผลักดันสู่การปฏิบัติในระดับเมือง เพื่อให้เกิดการสนับสนุนการดำเนินโครงการอย่างยั่งยืน

นายกอบจ.ภูเก็ต ยื่นลาออกก่อนครบวาระ



เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต ) นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต ได้แถลงต่อสื่อมวลชนกรณียื่นหนังสือลาออกจากการเป็น นายก อบจ.ภูเก็ต ก่อนที่จะครบวาระการบริหารงานในวันที่ 19 เมษายน 2555 นี้ หลังจากที่ได้รับการเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2551 โดยให้มีผลตั้งแต่เวลา 13.30 น.วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555เป็นต้นไป เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการจัดการเลือกตั้ง นายก อบจ.ภูเก็ตโดยเร็ว
นายไพบูลย์ กล่าวว่า เนื่องจาก นายก อบต.และสมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต จะครบวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 19 เมษายน 2555 และทาง กกต.จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งพร้อมกันประมาณวันที่ 27 พฤษภาคม 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่จังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ และ อบจ.ภูเก็ต ก็มีภารกิจรับผิดชอบด้านการจัดพิธีเปิดและปิดการแข่งขัน ตลอดจนการจัดเลี้ยงรับรอง ซึ่งต้องใช้เวลาเตรียมการล่วงหน้า และหากมีการจัดการเลือกตั้งในช่วงดังกล่าวซึ่งจะต้องใช้บุคลากรของ อบจ.ภูเก็ตทั้งหมดเป็นผู้ดำเนินการ ดังนั้นหากจะต้องดำเนินการตามภารกิจทั้งสองช่วงในระยะเวลาเดียวกันก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาทำให้เสียหายแก่ทางราชการได้
“ประกอบกับไม่แน่ใจว่า กกต.ภูเก็ต จะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ตามห้วงเวลาที่กำหนดหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้จำนวนประชากรในแต่ละอำเภอของ จ.ภูเก็ต มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากทำให้จะต้องมีการแบ่งเขตการเลือกตั้งในส่วนของสมาชิกสภา อบจ.ใหม่ ซึ่งอาจจะเกิดความล่าช้า และต้องเลื่อนระยะเวลาการเลือกตั้งออกไป เหมือนกับกรณีของเทศบาลตำบลราไวย์ เทศบาลตำบลฉลอง และเทศบาลตำบลรัษฎา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบกับการบริหารงานทั่วไปของ อบจ.ภูเก็ตด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556”
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า งบประมาณที่ค่อนข้างได้รับผลกระทบมากหากไม่สามารถจัดการเลือกตั้งตามช่วงเวลาที่กำหนด คือ งบบริหารงานโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ซึ่งสัญญาว่าจ้างเอกชนบริหารบริหารจัดการโรงพยาบาลจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิถุนายน 2555 และจะต้องดำเนินการต่อสัญญาการจัดจ้างเหมาบริหารจัดการโรงพยาบาล ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม เพื่อความต่อเนื่องในการดูแลผู้ป่วย และต้องมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า ทั้งนโยบายของผู้บริหารในการกำหนดขอบเขตการดำเนินงาน (tor) การจัดเตรียมงบประมาณและในด้านการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ที่ยังเป็นอุปสรรคในการบริหารจัดการโรงพยาบาล เช่น การซื้อยานนอกบัญชียาหลักแห่งชาติ และอื่นๆ อีกจำนวนมาก ซึ่งประเด็นหลักหลังนี้คณะกรรมาธิการการปกครองส่วนท้องถิ่นสภาผู้แทนราษฎรได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่ากรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่นสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงสาธารสุข แก้ไขระเบียบที่เป็นปัญหาดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือน เมษายน 2555
อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า จากการประเมินปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา จึงได้ยื่นใบลาออก เพราะในส่วนของการเลือกตั้งนายกฯ ใช้เขตจังหวัดจึงไม่มีปัญหา จึงได้ยื่นใบลาออก และจะได้ไม่เกิดปัญหาและอุปสรรคต่อการจัดกีฬาเยาวชนแห่งชาติ อันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ต และเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการบริหารจัดการโรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ให้สามารถดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตโดยทั่วหน้า
“นอกจากประเด็นปัญหาที่กล่าวมาแล้วก็จะได้ลบคำครหาในช่วงที่จะต้องรักษาการณ์นายกฯ หลังจากหมดวาระแล้วว่ามีการใช้บุคลากรหรือวัสดุอุปกรณ์ของ อบจ.เพื่อเป็นการหาเสียง ดังนั้นการลาออกจึงถือเป็นสปีริต
อย่างหนึ่ง และตนก็จะสามารถหาเสียงได้อย่างสะดวกโดยใช้จ่ายงบประมาณส่วนตัว และคิดเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งได้อย่างถูกต้อง”
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในช่วงที่ตำแหน่งตำแหน่งประมาณ 3 ปีเศษๆ นั้นสามารถที่จะดำเนินการตามนโยบายที่ใช้หาเสียงไว้ ในการที่จะทำให้ อบจ.ภูเก็ต เป็น อบจ.ให้บริการ และมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ มีการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ มีความร่วมมือกับราชการส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ และภาคเอกชน และมีผลงานเป็นประจักษ์ โดยเฉพาะการเพิ่มรายได้ให้กับ อบจ.ภูเก็ต อาทิ การจัดเก็บค่าโดยสารรถประจำทาง จากประมาณ 2 ล้านบาทในปี 2552แต่ในปี 2554 เพิ่มเป็น 5.8 ล้านบาท ธรรมเนียมค่าที่พักของนักท่องเที่ยว จากปี 2552 ประมาณ 60 ล้านบาท ในปี 2554 เพิ่มเป็น 87 ล้านบาท เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีรางวัลจากหน่วยงานต่างๆ การันตีผลงานที่ชัดเจน
สำหรับสิ่งที่จะทำต่อหากได้รับการคัดเลือกเข้ามาอีกครั้งนายไพบูลย์ กล่าวว่า นอกจากการพัฒนาในส่วนที่ดำเนินการมาแล้วให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ยังจะได้มีการจัดทำสนามกีฬาในร่มที่ได้มาตรฐานที่อาคารลักกี้คอมเพล็ก สะพานหิน โครงการสร้างสนามฟุตบอลมาตรฐานที่บริเวณเขื่อนบางเหนียวดำ อ.ถลาง ตลอดจนการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อเป็นสถานที่ในการออกกำลังกายและพักผ่อนของประชาชนชน รวมทั้งการเพิ่มจำนวนแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต และจัดบริการสาธารณสุขเชิงรุกมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆ โครงการที่จะดำเนินการต่อไป นายไพบูลย์กล่าว

ภาคเอกชนให้ความสนใจสิ่งแวดล้อม


ภาคเอกชนให้ความสนใจสิ่งแวดล้อม
ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และนนทลี มรรคาวาณิช ประธานมูลนิธิมรรคาวาณิช ร่วมบรรยายให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ฝ่ายทรัพยากรบุคคลอุทยานอาหารไทนาน ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการอบรมเกี่ยวกับการใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (EM) เพื่อลดปริมาณการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายและเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบำบัดน้ำเสียภายในหน่วยงาน หาก หน่วยงานใดสนใจการจัดอบรมดังกล่าว (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โทร 1719 ต่อ 1284 

“โกปอด” มอบตัวกับตำรวจคดี “เอ๋อินไซด์”



เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต นายอัษฎากร สีดอกบวบ อายุ 48 ปี เจ้าของเคเบิ้ลท้องถิ่นแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ตและรองประธานหอการค้า จ.ภูเก็ต ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 32/2555 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คดีคนร้ายใช้อาวุธปืน 9 มม.สังหารนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยากรณ์ หรือ เอ๋อินไซด์ อายุ 44 ปี เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ต และแกนนำ นปช.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา เหตุเกิดที่บริเวณถนนทุ่งคา - ควนดินแดง ปากทางแยก ถ.เทพกระษัตรี ตรงข้ามศูนย์รถยนต์สยามนิสสันภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ได้เดินทางมาพร้อมกับทนายความ และได้เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต โดยมี พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และ พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปิ่นแก้ว พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีร่วมสอบปากคำด้วย
ทั้งนี้หลังจากการสอบปากคำและพิมพ์ลายนิ้วมือแล้ว นายอัษฎากร ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนแขนงต่างๆ ซึ่งมารอทำข่าวอยู่เป็นจำนวนมากได้สัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า ตนไม่ส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ทราบด้วยว่าเข้าไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร เพราะตนกับผู้ตายนั้นมีความสนิทสนมกันมาก และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน และยังมีอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน โดยในช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่กรุงเทพมหานคร ก็มีการติดต่อประสานงานและตนก็ได้สนับสนุนในเรื่องค่าใช้จ่ายการเดินทางมาโดยตลอด จึงอยากขอความเป็นธรรมกับสังคมด้วย
“การตัดสินใจข้ามอบตัวนั้น เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นก็ค่อนข้างตกใจมาก เพราะในระหว่างนั้นตนได้รับเชิญให้ไปพูดคุยเรื่องการทำธุรกิจที่ประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อกลับมาและพักอยู่ที่กรุงเทพมหานคร จึงทราบว่ามีหมายจับออกมาก็ค่อนข้างตกใจ ตั้งตัวอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและมาเข้ามอบตัว ซึ่งในการมอบตัวนั้นก็ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรแต่อย่างใด เพราะตนก็ไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการนักว่าเป้นอย่างไร แต่ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
นายอัษฎากร ยังกล่าวด้วยว่า ตนต้องขอความเป็นธรรมจากสังคม เพราะขณะนี้ถูกมองว่าเป็นคนใจร้าย เนื่องจากที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้ออกมาพูดหรืออธิบาย จึงมีการนำเสนอข้อมูลไปต่างๆ นานา ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง ส่วนที่บอกว่าสาเหตุมาจากผู้ตายเขียนบทความพาดพิงถึงตนและสร้างความไม่พอใจให้นั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะอย่างที่กล่าวแล้วว่าตนมีความสนิทสนมกับผู้ตายค่อนข้างมาก เพราะนอกจากการทำสื่อแล้วยังมี อุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน สามารถที่จะพูดคุยกันได้ และข้อความที่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงอะไร ซึ่งการจากไปของเขานั้นตนก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน และสำหรับครอบครัวหากสามารถช่วยเหลืออะไรได้ก็ยินดีแต่ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับคดี เพราะตนยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ต่อข้อถามที่ว่ารู้จักกับนายนายนพดล พรายศรี หรือนายแพะ คนขับรถให้มือปืนหรือไม่ ซึ่งนายอัษฎากร ตอบว่าไม่รู้จัก แต่จะรู้กับนายบอย เนื่องจากได้ว่าจ้างให้ถมที่ดินในโครงการจัดสรร และที่ผ่านมามีคนเข้าออกบริษัทฯ จำนวนมาก และตนก็ไม่รู้ใครเป็นใคร มาจับโยงกันอย่างนี้ก็ไม่เป็นธรรม และเช่นเดียวกับเรื่องของการออกเอกสารสิทธิหาฟรีด้อมตนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย ขณะนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตนนั้นเป็นเรื่องขอสังคม ส่วนของธุรกิจไม่มีผลกระทบยังคงดำเนินการตามปกติ



วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตม.สนามบินเพิ่มความเข้มตรวจชาวต่างชาติ



ร.ต.อ.ดนัย ชุ่มอภัย รองสารวัตรด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิด 3 จุดในกรุงเทพมหานคร ทางผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง ได้กำชับให้เพิ่มความเข้มข้นเป็นพิเศษในการตรวจสอบชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเสี่ยง และผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้าย ที่เดินทางผ่านสนามบินภูเก็ต โดยให้เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และให้มีการแจ้งข้อมูลที่พักอาศัยในประเทศไทยให้ชัดเจน พร้อมประสานกับตำรวจสันติบาลเพื่อทราบข้อมูลผู้เดินทางเข้ามาล่วงหน้า นอกจากนี้ประสานกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรสนามบินภูเก็ต ในการตรวจสอบกระเป๋าและสัมภาระของผู้โดยสารที่มากับเที่ยวบินต่างชาติให้เข้มข้นมากขึ้นด้วย
ร.ต.อ. ดนัย ยังกล่าวด้วยว่า การเดินทางเข้าประเทศไทยของนายโมราตี้ ซาอิด กับนายคาซาอี้ โมฮัมหมัด ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุนั้น ได้เดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 โดยเดินทางมาจากประเทศมาเลเซียด้วยเที่ยวบิน AK 826 จากนั้นได้ต่อเครื่องบางกอกแอร์เวย์ ไปยังกรุงเทพมหานครในวันเดียวกัน จากการตรวจสอบในขณะนั้นไม่พบข้อมูลผิดปกติแต่อย่างใด ซึ่งในส่วนของเที่ยวบินตรงที่มาจากตะวันออกกลางมายังภูเก็ตในระยะนี้มีมาจาก 2 ประเทศ คือ ประเทศอิหร่านและประเทศกาตาร์ สัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในบ่ายวันนี้ (15 ก.พ.55) นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ที่ ภก 0017.4/ว645 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์2555 เรื่อง เพิ่มมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ส่งไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต สารวัตรหัวหน้าตำรวจสันติบาลภูเก็ต นายอำเภอทุกอำเภอ มีเนื้อหาว่า ตามที่เกิดเหตุชาวต่างชาติ 3 คน สัญชาติอิหร่าน ก่อเหตุระเบิด 3 จุด ในซอยสุขุมวิท 71 กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บในที่ก่อเหตุ 1 ราย ประชาชนที่สัญจรไปมาได้รับบาดเจ็บหลายราย ภายหลังสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรายที่ 2 ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนผู้ก่อเหตุรายที่ 3 อยู่ระหว่างหลบหนี เบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อมูลการเข้าเมืองของผู้ก่อเหตุบางรายได้ใช้สนามบินภูเก็ตเป็นทางผ่านในการเดินทางมาจากต่างประเทศ ก่อนที่จะเดินทางไปก่อเหตุที่กรุงเทพมหานคร
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการเคลื่อนไหวในลักษณะก่อเหตุความรุนแรงที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงทั้งจากบุคคล องค์กร หรือเครือข่ายที่เชื่อมโยงในพื้นที่จึงขอให้จัดกำลังตำรวจ ฝ่ายปกครอง สดับรับฟัง ติดตามเฝ้าระวังเหตุ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ล่อแหลมต่อการก่อเหตุ เช่น สถานที่ราชการ บ้านพักบุคคลสำคัญ บริษัทห้างร้านของชาวต่างชาติ แหล่งพลังงาน แหล่งชุมชนที่มีประชาชนพลุกพล่าน สถานที่ท่องเที่ยว สถานีขนส่ง เป็นต้น โดยให้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย เพิ่มความถี่กำหนดวงรอบในการตรวจตรา จัดเจ้าหน้าที่สืบสวนสนับสนุน ขอความร่วมมือจากประชาชน ภาคเอกชน ในการช่วยสังเกตสิ่งผิดปกติและบุคคลแปลกหน้าในพื้นที่
สำหรับพื้นที่ภายในท่าอากาศยานภูเก็ตให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรานักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศ สังเกตบุคคล สัมภาระ วัตถุ สิ่งของติดตัวที่ผ่านเข้าออก โดยใช้ระบบการบันทึกภาพ เทคโนโลยี และบุคคลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากพบสิ่งบอกเหตุใดๆ ที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง ให้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบโดยตรงหรือประสานที่ทำการปกครองจังหวัดภูเก็ต





พ่อเมืองภูเก็ตสั่งทุกหน่วยในพื้นที่คุมเข้ม




นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากกรณีเกิดเหตุระเบิด 3 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงบ้ายของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก แม้ว่าภูเก็ตจะไม่ใช่พื้นที่เป้าหมายของการก่อเหตุ แต่ก็ไม่ประมาทและที่ผ่านมาเราก็มีการเฝ้าระวังและมีมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยที่ชัดเจนอยู่แล้ว หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้ สั่งให้มีการประสานกับทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กำชับไปยังสถานีตำรวจทุกแห่งในพื้นที่เพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวังและออกตรวจ รวมทั้งหาข่าว โดยเฉพาะในจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ป่าตอง กะตะกะรน เป็นต้น

ส่วนกรณีที่หนึ่งในผู้ก่อเหตุได้ใช้เส้นทางจากประเทศเกาหลีใต้มายังภูเก็ต และเดินทางต่อไปยังกรุงเทพมหา นครนั้น นายตรี กล่าวว่า เนื่องจากข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีรายชื่อของบุคคลดังกล่าวว่าถูกระบุว่าเป็นบุคคลอันตรายหรือไม่ใช่อาชญากรหรือผู้ที่เคยก่อเหตุ และไม่มีแบล็คลิสต์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้การตรวจสอบพิธีการเข้าเมืองก็ดำเนินการไปตามปกติ เหมือนกับชาวต่างชาติทั่วๆ ไป 

ขณะที่ พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ ว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยของจังหวัดภูเก็ตนั้นปกติก็มีแผนการดำเนินการที่ชัดเจนอยู่แล้ว ในการตรวจสอบ ตรวจตราและเฝ้าระวังในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพมหานครก็ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวังเพื่อป้องกันเหตุร้าย โดยเฉพาะบริเวณซอยบางลา หาดป่าตอง ซึ่งถือเป็นจุดศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็ได้สั่งการให้ชุด นปพ.ลงพื้นที่ดูแลรักษาความปลอดภัยร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจในพื้นที่ นอกจากนี้ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตก็มีชุดเก็บกู้ระเบิดอยู่แล้ว หากพบสิ่งผิดปกติหรือต้องสงสัยก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ แม้ว่าเราจะไม่ใช่พื้นที่เฝ้าระวัง แต่เป็นการเตรียมพร้อมและเป็นการไม่ประมาท 



โชคดีรับวันวาเลนไทน์


โชคดีรับวันวาเลนไทน์
คุณวันดี ช้างงาม ผู้จัดการทั่วไป เดอะ ไลท์ สวนหลวง มอบรางวัล Samsung Smart TV ให้กับ คุณศุภชาติ สมุหธนากุล ลูกค้าของโครงการ เดอร์ ไลท์ สวนหลวง ที่โชคดีได้รับรางวัลเนื่องในโอกาส วันวาเลนไทน์ วันที่  14 กุมภาพันธ์ 2555 ขอร่วมแสดงความยินดีด้วย

เลือกสนามยิงปืนกะทู้แข่ง "ภูเก็ตเกมส์"



เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 ที่สนามยิงปืนกะทู้ อ.กะทู้ ภูเก็ต นายวิรัช พาที ผอ.กกท.จังหวัดภูเก็ต ในฐานะเลขาฝ่ายอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 28 "ภูเก็ตเกมส์" พร้อมด้วยนายคำนึง สิงค์เอี่ยม เลขานุการฝ่ายเทคนิคกีฬา ได้เดินทางเข้าพบเพื่อหารือกับนายปกรณ์ ไพศาลสินธุวงศ์ ผู้บริหารสนามยิงปืนกะทู้ เพื่อขอใช้สนามยิงปืนกะทู้ เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬายิงปืน ทั้งแบบ OUT DOOR และ IN DOOR ในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 28 "ภูเก็ตเกมส์" ในระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม ถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2555 ภายหลังสนามฟุตบอล ฟีฟ่า บ่อแร่ ได้ติดขัดทางด้านเทคนิคบางประการ ซึ่งทางผู้บริหารสนามยิงปืนกะทู้ ได้ตอบรับในการที่จะสนับสนุนให้ใช้สถานที่เป็นอย่างดี
ทั้งนี้นายคำนึงได้กล่าวว่า หลังจากที่ได้เดินทางมาหารือกับผู้บริหารสนามยิงปืนกะทู้ พร้อมทั้งได้ทำการตรวจสอบในเบื้องต้น ก็พบว่าสนามยิงปืนกะทู้แห่งนี้ ค่อนข้างที่จะสมบูรณ์แบบ และเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ทางหน่วยงานของเอกชนให้การสนับสนุนและร่วมกันเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ "ภูเก็ตเกมส์" ซึ่งเชื่อว่า หากทุกภาคส่วนมามีส่วนเป็นเจ้าภาพนั้นความสมบูรณ์ของการจัดการแข่งขันก็จะมีมากขึ้น
ทางด้านนายปกรณ์ ไพศาลสินธุวงศ์ ผู้บริหารสนามยิงปืนกะทู้ ได้กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางสนามมีความยินดีที่จะมีส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ที่ทางจังหวัดภูเก็ตได้เป็นเจ้าภาพมา ซึ่งในส่วนของตัวสนามนั้นมันมีความพร้อมของในตัวของมันเองอยู่แล้ว เพราะทางสนามมีการใช้อยู่ทุกวัน ก้ต้องมีการปรับปรุงอยู่ตลอดพร้อมที่จะให้บริการกับลูกค้าได้ตลอดเวลา ในส่วนของสถานที่นั้น ก็ต้องอยู่กับคณะกรรมการฝ่ายจัดการแข่งขัน ว่าจะให้ปรับแต่งตรงไหนอย่างไร เพื่อที่จะให้สนามมีความพร้อมมากยิ่งขึ้น
ส่วนนายวิรัช พาที ผอ.กกท.กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นเราไม่ได้มาดูพื้นที่สนามยิงปืนกะทู้แห่งนี้เลย เนื่องจากทางฝ่ายของการจัดเตรียมการแข่งขันหรือทางสมาคมฯนั้นบอกว่า จะต้องให้สนามมีความกว้าง ความยาว เท่าไหร่ อย่างไร แต่เมื่อมาเห็นความสมบูรณ์ทั้งใน และนอกของสนามแห่งนี้ ยอมรับว่า เป็นสถานที่ที่จัดการแข่งขันได้เลย ไม่ว่าจะเป็นระยะ ทั้งในและนอก จึงเป็นสนามที่พร้อมสมบูรณ์