จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

บวงสรวง ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร



เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2555 บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต นายวรวุฒิ ทรงยศ นายกเทศมนตรีตำบลศรีสุนทร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ พนักงานและพี่น้องประชาชนชาวตำบลศรีสุนทร ร่วมกันจัดพิธีบวงสรวงท้าวเทพกระษัตร ท้าวศรีสุนทร ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่ตั้งอยูในพื้นที่ตำบลศรีสุนทร ที่พ่อแม่พี่น้องชาวภูเก็ต นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ต่างเคารพนับถือและสักการะมาอย่างยาวนาน
ทั้งนี้นายวรวุฒิ ทรงยศ นายกเทศมนตรีตำบลศรีสุนทร กล่าวว่า การจัดพิธีบวงสรวงท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เป็นพิธีที่ปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องทุกปี เป็นการตำหนักและเล็งเห็นถึงความรักชาติ ความเสียสละ กล้าหาญ เฉลียวฉลาดของ สอง วีรสตี ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร และบรรพชนที่ได้เสียสละเลือดเนื้อ และชีวิตในการปกป้องรักษาแผ่นดินไว้ให้ลูกหลานได้จนถึงปัจจุบัน และเป็นการปลูกฝังให้เกิดความสามัคคี รักแผ่นดินเกิดอีกด้วย
นายวรวุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางมูลนิธิ ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่าง ประกอบด้วย พิธีอุปสมบทหมู่ โดยมูลนิธิท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 2-17 มี.ค.2555 ณ วัดมงคลนิมิต, การแข่งขันวิ่งมินิมาราธอนบนเส้นทางประวัติศาสตร์ถลาง และชกมวยไทย โดย อบต.เทพกระษัตรี ในวันที่ 11 มี.ค.2555 ณ อนุสรณ์สถานเมืองถลาง,การแข่งขันจักรยานคันทรีคลอสบนเส้นทางประวัติ ศาสตร์ โดยเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี ในวันที่ 11 มี.ค.2555, พิธีบวงสรวงปู่ยา ตายาย บรรพบุรุษผู้กล้าเมืองถลาง โดยมูลนิธิท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ในวันที่ 12 มี.ค.2555 ณ.วัดม่วงโกมารภัจจ์,พิธีวางพวงมาลาและพิธีสดุดีวีรกรรมท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต และทต.ศรีสุนทร ในวันที่ 13 มี.ค.2555 ณ.อนุสาวรีท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร และกิจกรรมการแสดง แสง สี เสียง ละครอิงประวัติศาสตร์ถลาง



เตรียมนำ ปลาการ์ตูน-ม้าน้ำ กลับบ้าน



เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2555 ที่สวนผีเสื้อและโลกแมลงภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายเกรียงศักดิ์ จารุพงศ์วิวัฒน์ ผู้จัดโครงการ “แฟมิลี่แรลลี่ ฟื้นฟูทะเลไทยร่วมใจคืนบ้านให้ปลาการ์ตูน” พร้อมด้วยนายใจเพชร หัตถกรรม กรรมการผู้จัดการ สวนผีเสื้อและโลกแมลงภูเก็ต นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต นายโชคชัย รินชะ หัวหน้าสถานีวิทยุ อสมท.ภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจัดโครงการแฟมิลี่แรลลี่ ฟื้นฟูทะเลไทยร่วมใจคืนบ้านให้ปลาการ์ตูน
ทั้งนี้นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้สภาวะแวดล้อมทางทะเล มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการแพร่ขยายพันธุ์ การเจริญเติบโต รวมถึงความหลากหลายของสัตว์น้ำและปริมาณลดลง ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำทั่วประเทศ ที่มีมากกว่า 20 แห่ง ทำให้ความต้องการสัตว์ทะเลสวยงามมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นด้วย เช่น ปลาการ์ตูน ปลาสลิดหิน ปลาสินสมุทร ปลานกแก้ว ม้าน้ำ และสัตว์ทะเลที่หาดูได้ยาก เช่น ปลากระเบน ปลาฉลาม รวมทั้งปะการัง และดอกไม้ทะเล
ทางคณะผู้จัดงานซึ่งประกอบด้วยเชฟโรเลต ภูเก็ต สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต ทัพเรือภาคที่ 3 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สวนผีเสื้อและโลกแมลงภูเก็ต สถานีวิทยุ อสมท.ภูเก็ต และนิตยสารภูเก็ตบูลเลทิน จึงได้จัดโครงการ “แฟมิลี่แรลลี่ ฟื้นฟูทะเลไทยร่วมใจคืนบ้านให้ปลาการ์ตูน” ขึ้น เพื่อปล่อยพันธ์ปลาการ์ตูน และม้าน้ำ ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลที่มีความสวยงามคืนกลับสู่ธรรมชาติ
นอกจากนี้ยังเป็นการรณรงค์สร้างความเข้าใจในเรื่องของระบบนิเวศทางทะเลให้แก่เยาวชนและครอบครัว ปลุกจิตสำนึกให้แก่เยาวชน ครอบครัวให้เกิดความรัก และหวงแหนระบบนิเวศน์ในทะเลอันดามัน เพิ่มความสมบูรณ์ของพันธุ์สัตว์น้ำให้กับท้องทะเล สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว และสร้างความสามัคคีระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน และเพื่อหารายได้สนับสนุนงานวิจัยฯโครงการฟื้นฟูทะเลไทยร่วมใจคืนปลาการ์ตูนสู่ท้องทะเล
โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 1 เม.ย.นี้ โดยขบวนแรลลี่จะเริ่มออกเดินทางจากปลายแหลมสะพานหิน ไปตามจุด อาร์ซี ในสถานที่ต่างๆ และไปสิ้นสุดที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่แหลมพันวา หลังจากนั้นจะเดินทางโดยทางเรือ โดย Royal Jet Cruiser 9 ไปยังเกาะไม้ท่อน เพื่อร่วมกันปล่อยสัตว์ทะเลกลับสู่บ้านที่เกาะไม้ท่อน โดยใช้นักประดาน้ำดำน้ำลงไปปล่อยในจุดที่เหมาะสม โดยสัตว์ทะเลประกอบด้วย ปลาการ์ตูนจำนวน 85 คู่ ม้าน้ำจำนวน 85 ตัว เต่าทะเลจำนวน 85 ตัว พันธ์ปลากะพงขาว 8,500 ตัว และกุ้งทะเลจำนวน 850,000 ตัว
นายเกรียงศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการปล่อยปลาการ์ตูนและม้าน้ำนั้นมีความแตกต่างกับการปล่อยปลาหรือสัตว์ทะเลชนิดอื่นๆ ซึ่งในส่วนของการปล่อยปลาการ์ตูน ก่อนที่จะปล่อย จะต้องมีการสร้างบ้านให้ปลาก่อน หรือทำแส้เทียมเพื่อป้องกันสัตว์ทะเลทีมีขนาดใหญ่กว่า นอกจากนี้คนที่ปล่อยจะต้องลงไปปล่อยในทะเลลึก หรือที่มีดอกไม้ทะเล เนื่องจากปลาการ์ตูนจะอาศัยอยู่ในดอกไม้ทะเล และการปล่อยจะนำปลาการ์ตูนแต่ละคู่ไปปล่อยในดอกไม้ทะเลโดยจะต้องใช้ถุงครอบปลาและดอกไม้ทะเลเข้าด้วยกันประมาณ 30 นาทีเพื่อให้ปลาการ์ตูนทำความคุ้นเคยกับดอกไม้ทะเล
ส่วนผู้ที่ไม่ได้ลงไปปล่อยปลาในทะเลลึก ทางผู้จัดยังได้จัดกิจกรรมภายในเรือ โดยการสอนวาดภาพปลาการ์ตูนโดยอาจารย์ ดร.สุชาติ วงษ์ทอง ศิลปินและครูศิลปะนานาชาติชื่อดัง นอกจากนี้ยังมีการประมูลภาพวาดของอาจารย์ ดร.สุชาติ วงษ์ทอง ด้วยพร้อมทั้งเฮฮากับปุ๊ย ตีสิบ ก่อนที่จะเดินทางกลับเข้าฝั่ง ทางผู้จัดยังได้นำท่านแวะชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกน้ำที่หน้าแหลมพรหมด้วย







รับข้อมูลปัญหาคมนาคมก่อนชงเข้า ครม. สัญจร



เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2555 ที่ห้องประชุม 1 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจราชการ พร้อมมอบนโยบาย และลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหาการคมนาคมของจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าราชการที่เกี่ยวข้องและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ของ จ.ภูเก็ต เข้าร่วมนำเสนอปัญหาและความต้องการระบบคมนาคมขนส่งของจังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้เพื่อรับข้อมูลและเตรียมความพร้อมรับการประชุม ครม.สัญจร ในระหว่างวันที่ 19 – 20 มีนาคมนี้ ที่ จ.ภูเก็ต
นายตรี กล่าวรายงานสภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขการคมนาคมขนส่งของ จ.ภูเก็ต ว่า จากการวิเคราะห์สภาพการจราจรโครงข่ายทางหลวงสายหลักที่ใช้ในการเดินทางภายในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยเฉพาะทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 402 มีปริมาณการจราจรค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องการรองรับการเดินทางภายในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง จากสถิติข้อมูลการจดทะเบียนยานพาหนะทุกประเภทของจังหวัดภูเก็ตในระหว่างปี 2551-2552 พบว่าในปี 2551 จังหวัดภูเก็ตมีจำนวนยานพาหนะรวมกันทั้งสิ้น 321,311 คัน และในปี 2552 เพิ่มขึ้นเป็น 328,807 คัน โดยพาหนะที่มีการจดทะเบียนมากที่สุด คือ รถจักรยานยนต์ โดยในปี 2552 มีจำนวนถึง 225,222 คัน และมีแนวโน้มการจดทะเบียนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในจำนวนดังกล่าวยังไม่รวมในส่วนของยานพาหนะที่นำมาจากจังหวัดอื่นๆ ซึ่งมีอีกจำนวนมากเช่นกัน
“การขยายตัวของยานพาหนะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ก่อให้เกิดปัญหาด้านการจราจรและขนส่งใน จ.ภูเก็ตเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องความคล่องตัวและความสะดวกสบายในการเดินทาง เกิดปัญหาจราจรติดขัดบริเวณทางแยก โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองเกือบทุกเส้นทาง ประกอบกับความคับแคบของถนนทำให้ไม่สามารถระบายการจราจรได้ และเกิดปัญหาติดขัดในย่านการค้า โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน ปัญหาด้านความปลอดภัย มีจุดเสี่ยงอันตรายบนโครงข่ายถนน เนื่องจากข้อจำกัดด้านกายภาพที่ไม่เหมาะสม ความไม่ปลอดภัยของคนเดินเท้าและผู้ใช้รถจักรยายาน โดยเฉพาะในเขตชุมชนซึ่งมีทางเท้าคับแคบ ขาดความต่อเนื่อง ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับคนเดินเท้า ส่งผลให้เกิดอุบัติภัยเพิ่มขึ้นจากปี 2551 มีจำนวน 1,397 ครั้ง เป็น 1,481 ครั้ง หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5.67% ในปี 2552 และสูงจากอันดับ 9 เป็นอันดับ 8 ของประเทศ”
นายตรี กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าวทางจังหวัดได้กำหนดแนวนโยบายเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านการคมนาคมและขนส่ง ไว้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของจังหวัดเพื่อลดปัญหาต่างๆ โดยมีการจัดทำคำของบประมาณก่อสร้างและปรับปรุงเส้นทางต่างๆ ได้แก่ โครงการพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมของแหล่งท่องเที่ยว (สายฉลอง-ป่าตอง) งบ 60 ล้านบาท โครงการก่อสร้างถนนสี่ช่องจราจร ถนนวิชิตสงคราม กม.13+746 –กม.14+546 งบ 30 ล้านบาท โครงการก่อสร้างสะพานยกระดับถนนสายหลักด้านใต้ (คลองเกาะผี) ระยะทาง 600 เมตร งบ 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการขยายพื้นที่ทางวิ่งสนามบินภูเก็ต การขับเคลื่อนแผนการลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระบบรางจังหวัดภูเก็ต การพัฒนาระบบควบคุมการจราจรทางน้ำจังหวัดภูเก็ต การขุดเจาะอุโมงค์ขยายเส้นทางไปสู่พื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ และการศึกษาการขยายเส้นทางลอด หรือทางยกระดับ บริเวณสี่แยกต่างๆ ที่ส่งผลกระทบให้การจราจรติดขัด
อย่างไรก็ตามนายจารุพงศ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า เพื่อมารับฟังข้อมูลระบบการคมนาคมขนส่งของจังหวัดภูเก็ตก่อนที่จะมีการประชุม ครม.สัญจร ในระหว่างวันที่ 19-20 มีนาคมนี้ ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งภารกิจความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคมที่สำคัญ คือ การคมนาคมทางอากาศ ทางน้ำและทางบก โดยทางอากาศนั้นได้มีแผนการปรับกรุงและขยายท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต รวมทั้งเพิ่มอาคารผู้โดยสารและหลุมจอด ส่วนทางน้ำเป็นเรื่องของการปรับปรุงและขยายท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต และการพัฒนาท่าเทียบเรืออ่าวฉลองในการรองรับเรือสำราญกีฬา ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม โดยได้มีการแสดงความเป็นห่วงกรณีการควบคุมดูแลเรือยอช์ทที่จะเข้ามาว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งก็ได้มีการนำแสนอโครงการจัดทำระบบการติดตามเรือยอช์ทโดย IPS หรือการใช้ดาวเทียม
ส่วนของระบบขนส่งทางบก นั้น ได้มีการพูดถึงโครงการทำทางลอดใต้ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 จังหวัดภูเก็ต ตัดกับถนนวิชิตสงคราม บริเวณสี่แยกดาราสมุทร (สี่แยกไทนาน) ซึ่งได้มีการอนุมัติงบประมาณก่อสร้างแล้ว จำนวน 600 ล้านบาท และได้มีการเสนอเพิ่มเติมบริเวณสี่แยกสามกอง (แยกโลตัส) กับสามแยกบางคู ซึ่งจะมีการเสนอของบประมาณในปีถัดไป นอกจากนี้ยังได้เสนอโครงการสร้างถนนผ่านป่าชายเลนคลองเกาะผี-ถนนศักดิเดชน์นี้ ระยะทา 600 เมตร ใช้งบประมาณ 170-180 ล้านบาท ซึ่งใช้เวลาขอมา 15 ปีแล้ว โดยทางกระทรวงฯ พร้อมที่จะให้การสนับสนุน แต่ขอให้ทางกระทรวงมหาดไทยเสนอเรื่องเข้า ครม.เพื่อขอยกเว้นมติ ครม.ในการขอใช้พื้นที่ป่าชายเลนก่อน เพื่อจะได้เดินหน้าต่อไปได้ เพราะมีการศึกษาออกแบบไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะสร้างเป็นถนนลอยมี 4 ช่องจราจร พร้อมด้วยทางรถจักรยานและทางเท้า มีช่องว่างให้น้ำไหลผ่าน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวงแหวนรอบนอกในการเชื่อมต่อการสัญจรไปมาระหว่างตัวเมืองภูเก็ตกับแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่อื่นๆ
อย่างไรก็ตามนายจารุพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของถนนเทพกระษัตรีเริ่มต้นตั้งแต่สะพานสารสิน หรือจากท่าอากาศยานภูเก็ต ได้มีการพูดถึงการสร้างจุดตัดตรงกลางถนน การตีเส้น ขีดสีถนน ตลอดจนการตัดถนนไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นความต้องการของจังหวัด กรณีนี้ได้รับไว้เพื่อดำเนินการต่อไป
สำหรับโครงการเจาะอุโมงค์ลอดจากตำบลกะทู้ไปยังตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ ที่มีการเสนอมานั้นก็จะมอบหมายให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยมาดูแลรายเอียด เนื่องจากเป็นโครงการที่จะต้องใช้งบประมาณลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งคงต้องให้เอกชนมาร่วมลงทุนด้วย ส่วนเงื่อนไขจะเป็นอย่างไรก็ต้องมาหารือกัน ขณะที่โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา ทราบว่ามีนักลงทุนสนใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งจุดนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ และคุยในรายละเอียดให้ชัดเจนว่าพร้อมที่จะลงทุนจริงหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากมีผู้พร้อมลงทุนจริงทางกระทรวงฯ ก็พร้อมให้การสนับสนุน นายจารุพงศ์กล่าว



“มหกรรมการลงทุน SET in the city สัญจร”



เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2555 ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมการลงทุน SET in the city สัญจร” ภายใต้แนวคิด “ให้หุ้นทำเงิน ให้อนุพันธ์ทำกำไร ให้กองทุนรวมบริหารเงินออมให้ชาวจังหวัดภูเก็ต” ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต หอการค้าจังหวัดภูเก็ต สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตและชมรมธนาคารพาณิชย์จังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น
โดยภายในงานมีสถาบันการเงินชั้นนำกว่า 20 แห่งมาร่วมออกบูธแนะนำให้ความรู้ พร้อมแนะนำ ทางเลือกการลงทุน เพิ่มความมั่งคั่ง ผ่านหุ้น อนุพันธ์ ทองคำและกองทุนรวม ตอลจนกิจกรรมให้ความรู้ต่างๆ มากมาย อาทิ บริการวางแผนและจัดสรรเงินออมและเงินลงทุน คือ มือผู้ลงทุน Investor Practice Guide, เปิดโผหุ้นเด่น 5 เมนูเด็ด ได้แก่ หุ้นเจ๋งเพื่อคนวัยทำงาน หุ้นจ่ายปันผลต่อเนื่อง 15 ปี หุ้นเด่น รอเล่นรอบไตรมาส 2 หุ้นต่างชาติชอบลงทุน และหุ้นอสังหาฯ น่าสนใจเพื่อคนภูเก็ต เป็นต้น
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนการส่งเสริมการออมการลงทุนทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันโลกการเงิน การลงทุนเปลี่ยนไปอย่างมาก มีทางเลือกในการบริหารเงินเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นการทำให้ประชาชนผู้ออม ผู้ลงทุน รู้จักเข้าใจและนำไปใช้อย่างถูกต้องสอดคล้องกับการดำรงชีวิตจึงจำเป็นอย่างมาก
“จากข้อมูลฐานเงินฝากของภูเก็ตพบว่า มีเงินฝากมากเป็นอันดับ 3 ของภาคใต้ นอกจากนี้ในแต่ละเดือนจังหวัดภูเก็ตมีนักลงทุนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เดือนละประมาณ 2- 3 พันล้านบาท รวมถึงภาวะเศรษฐกิจของภูเก็ตซึ่งมีการเจริญเติบโตสูงมาก ประกอบกับในอนาคตรูปแบบของการลงทุนซึ่งมีหลากหลายมากขึ้น ดังนั้นจะฝากเงินเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ จึงอยากมาเสนอทางเลือกให้กับคนภูเก็ต”
ดร.ภากร กล่าวด้วยว่า แนวโน้มการลงทุนในอนาคตจะยากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกกับเศรษฐกิจประเทศไทยเชื่อมต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจโลกก็จะกระทบถึงเราทั้งหมด หากจะบอกว่าให้เลือกลงทุนในหุ้นอะไรเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็คงตอบยากมาก เพราะการเลือกลงทุนเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งมีโอกาสที่จะเกิดความสูญเสียและมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นจะต้องพิจารณาการลงทุนเพื่อให้เกิดการกระจายไปในหลายๆ ทางเลือก ซึ่งการจัดสัมมนานั้นก็เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบว่าสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ได้จากที่ใดบ้าง ซึ่งหลังจากนี้ก็จะไปจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกันที่ จ.อุดรธานี และสุดท้ายที่กรุงเทพมหานคร 
 

รมว.คมนาคม ลงพื้นที่คลองเกาะผี



เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2555 ที่บริเวณด้านหน้าโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะได้เดินทางลงพื้นที่ก่อสร้างถนนเชื่อมคลองเกาะผี โดยมีนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต และผู้เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล
สำหรับโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมคลองเกาะผี ส่วนยกระดับ เป็นโครงการก่อสร้างถนนสายหลักด้านใต้ ของเทศบาลนครภูเก็ต จะต้องตัดผ่านป่าชายเลนคลองเกาะผี ระยะทาง 600 เมตร คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 7 ไร่เศษ ดำเนินการก่อสร้างต่อจากถนนของเดิม กม.0+400 บริเวณด้านหน้าถนนศักดิเดช ซอย 7 จนถึง กม.1+045 บริเวณด้านถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี
ลักษณะและรูปแบบของสะพาน ตามมาตรฐานสะพานข้ามคลองและแม่น้ำกรมทางหลวง เป็นสะพานคู่ขนาน มีทั้งหมด 4 ช่องจราจร แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 2 ช่องจราจร ความกว้างของช่องจราจร 3.25 เมตร มีช่องทางจักรยานกว้าง 2 เมตรตีเส้นจราจร แบ่งช่องทางเดินรถ และช่องทางจักรยาน ทางเดินกว้าง 1.80 เมตร ยกสูงจากผิวทาง 20 เซนติเมตร พร้อมติดตั้งราวสะพานคอนกรีตโปร่งทั้งสองฝั่ง ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 200 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมคลองเกาะผี เป็นหนึ่งในหลายๆ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจร ที่ทางจังหวัดภูเก็ตจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 19 – 20 มีนาคม ที่จะถึงนี้ด้วย

ต้อนรับอบจ.นครศรีธรรมราชศึกษาดูงาน

นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายอวยพร สกุลตัน ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ข้าราชการและเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมต้อนรับคณะจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อศึกษาดูงานด้านการศึกษา โดยทาง อบจ.ภูเก็ต ได้นำเสนอข้อมูลการดำเนินงานต่างๆ พร้อมทั้งนำคณะเดินทางเยี่ยมชมโรงเรียน อบจ.บ้านไม้เรียบ (ตันติโกวิทบำรุง) 

รมว.คมนาคม ร่วมประชุมบอร์ดการท่าฯ



เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2555 ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สำนักงานการท่าอากาศยานภูเก็ต อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เป็นประธานประชุมรับทราบและมอบนโยบายในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือบอร์ดการท่าฯ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานในความรับผิดชอบทั้ง 6 แห่ง ตลอดจนรับฟังบรรยายสรุปโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต และตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการฯ
จากนั้นนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวภายหลังการประชุม ว่า เรื่องสำคัญที่สุด คือได้ให้แนวคิดในการปรับปรุงมาตรฐานในมิติต่างๆ ของการให้บริการของการท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เพราะ ณ วันนี้ ทอท.จะต้องมีการกำหนดว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหน มีสถานภาพอย่างไร และในอนาคตจะไปอยู่จุดใด ซึ่งแน่นนอนว่าเราจ้ะองไต่อันดับไปสู่ระดับโลกที่มีมาตรฐานสูงขึ้นเป็น 1 ใน 10 ในภูมิภาคอาเซียนและไต่ระดับไปสู่ระดับโลกได้ด้วย
“การจะบอกว่าเราเป็นฮับหรือศูนย์กลางนั้นมีอะไรบ้างที่ทำให้ทั่วโลกยอมรับอย่างแท้จริง เริ่มตั้งแต่การเพิ่มความสะดวกสบายของผู้โดยสาร โดยให้ความสำคัญกับการขนส่ง การขนคนหรือขนอุปกรณ์ต่างๆ ตั้งแต่ท่าอากาศยานไปสู่กรุงเทพมหานคร รถแอร์พอร์ตลิ้ง รถแท็กซี่ รถลีมูซีน การเข้าจอดของรถผู้โดยสารทั้งขาเข้าขาออก การอำนวยความสะดวกต่างๆ การดูแลห้องน้ำห้องส้วมให้สะอาดสมมาตรฐาน การดูแลต้อนรับชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามา เช่น เรื่องของวีซ่าเข้าประเทศ การเป็นพี่เลี้ยงในการกรอกเอกสารการเข้าเมือง เป็นต้น เพื่อสร้างความประทับใจในการให้บริการของผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน”
ถัดมาเป็นมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ ในเรื่องการตรวจสอบการกลั่นกรองระบบรักษาความปลอดภัยผู้ประกอบการร้านต่างๆ ระบบการเสริมความปลอดภัยในรันเวย์ เพื่อให้ท่าอากาศยานมีความปลอดภัยถึงที่สุดติดอันดับโลกได้ตามมาตรฐานสากลทั้งหมด เพราะห่วงว่าเมื่อเรามีเครื่องบินแอร์บัส 380 ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก มีผู้โดยสารประมาณ 500 คน หากยังคงใช้ชานชลาปกติในการเข้าออกซึ่งจะต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงต่อคน 500 คน ซึ่งประตูเข้าออกเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน ก็จะเป็นปัญหาอุปสรรค ซึ่งหากเราเป็นฮับแต่เราไม่สามารถมีหลุมจอดรองรับได้ซึ่งคงเป็นไม่ใช่
นอกจากนี้ที่สำคัญอีกด้าน คือ เรื่องของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทมหาชน จะต้องมีมุมมองทั้งภาพลักษณ์ของบริษัทเอง ซึ่งปัญหาขณะนี้ คือ เรื่องคนและมลภาวะทางเสียง รวมถึงการจ่ายค่าชดเชยต่างๆ ของผู้คนในย่านราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีมติจะต้องจบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่จบเท่าที่ควร รวมทั้งจะต้องมองในระยะยาวในการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ซึ่งจะต้องมีรันเวย์ที่ 3 และ 4 จึงต้องเริ่มคิดกันแล้วว่าจะเพิ่มจำนวนที่ดินจากที่มีอยู่เพียง 20,000 ไร่ ซึ่งมีสองรันเวย์ก็แทบจะไม่พอแล้ว เพราะตามมาตรฐานสากลแต่ละรันเวย์จะต้องห่างกันไม่น้อยกว่า 1,500 เมตร หากดำเนินการตามมาตรฐานดังกล่าวจะไม่สามารถขยายรันเวย์ที่ 3 และ 4 ได้เลย จำเป็นจะต้องหาพื้นที่เพิ่มจาก 20,000 ไร่ ให้เป็น 50,000 ไร่ เพราะจุดเริ่มต้นในการกันพื้นที่ของสนามบินสุวรรณภูมิกว่าจะเกิดได้ต้องใช้เวลาถึง 49 ปี จึงต้องเริ่มตั้งแต่บัดนี้
อย่างไรก็ตามในการขยายพื้นที่นั้นเราก็จะต้องเอาประชาชนมาเป็นพันธมิตร และไม่เกิดความเสียหาย โดยหาแนวทางในการซื้อที่ดินบริเวณพื้นที่โดยรอบไปจนถึงทะเล เพื่อให้สามารถขยายรันเวย์ที่ 3 และ 4 ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะจะเป็นสินทรัพย์ และไม่ทำให้การท่าฯ ขาดทุนด้วย โดยจะต้องพัฒนาให้เกิดประโยชน์และมีคุณค่าสูงสุด ไม่ใช่เป็นเฉพาะเพียงแค่สนามบินอย่างเดียว แต่ยังทำประโยชน์อะไรได้อีกหลายๆ อย่าง เช่น ศูนย์แสดงสินค้า สนามแข่งรถฟอร์มูล่าวัน เป็นต้น
นายจารุพงศ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังได้เน้นเรื่องการพัฒนาบุคลากรให้มีความคิดในเชิงสร้างสรรค์มีทัศนคติที่ดีต่องาน มุ่งเน้นในการให้บริการการบินด้วยจิตใจ และมีการประสานความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ เช่น การบินไทย โรงแรม แอร์พอร์ตลิงค์ เป็นต้น และควรที่จะได้มีการแลกเปลี่ยนสมาชิกในบอร์ดเป็นระยะๆ เมื่อให้รับทราบมุมมองหรือแนวทางการทำงานของแต่ละหน่วยซึ่งจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารงาน รวมถึงการเกื้อกูลระหว่างกันด้วย
อย่างไรก็ตามยังได้มีการรายงานความคืบหน้าของการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งได้มีการอนุมัติงบประมาณในการดำเนินการแล้ว กว่า 5,700 ล้านบาท เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารจาก 6.5 ล้านคนต่อปี เป็น 12.5 ล้านคนต่อปี ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการและจะแล้วเสร็จประมาณปี 2557 นายจารุพงศ์กล่าว



THE 14th ANDAMAN MOTOR SHOW 2012



เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2555 ที่บริเวณชั้นล่าง ห้างสรรพสินค้าโฮมเวิร์ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ ภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงาน THE 14th ANDAMAN MOTOR SHOW 2012 โดยมี นายกฤชภณัฏฐ์ ภัทร์วราสิทธิ์ จาก ND.PRODUCTIONS นางศุภลักษณ์ สุหิรัญญวนิช และตัวแทนค่ายรถยนต์ชั้นนำต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานจำนวนมาก
สำหรับงานในครั้งนี้ทาง ND.PRODUCTIONS ได้ร่วมกับค่ายรถยนต์ชั้นนำต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ตและเอกชนหลายภาคส่วน ร่วมกันจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 9-14 มีนาคม นี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมผลักดันให้ธุรกิจยานยนต์ในจังหวัดภูเก็ตกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้แนวคิด “Summer on the beach” โดยความร่วมมือจากค่ายรถยนต์ชั้นนำต่างๆ ซึ่งได้นำนวัตกรรมยานยนต์ในรูปแบบใหม่ๆ มาจัดแสดงและจำหน่ายภายในงาน อีกทั้งยังจัดให้มีการออกบูทของเครื่องเสียงรถยนต์ อุปกรณ์ประดับยนต์ สินเชื่อรถยนต์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับธุรกิจยานยนต์ต่างๆ เพื่อนำมาแสดงและจำหน่ายภายในงาน
โดยไฮไลท์ของงานครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้จัดให้มีมินิคอนเสิร์ตของศิลปินชื่อดัง “แพรว คณิตกุล” การประกวด The Andaman Junior Talent Contest ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 30,000 บาท ร่วมเสวนากับอาจารย์ชา พารวม โหราศาสตร์ชื่อดัง การแสดง Sexy Wash จาก Miss Maxim 2011 และนางแบบชื่อดัง พร้อมร่วมลุ้นไปกับการประมูลเครื่องยนต์ของที่ระลึกของดารานักแสดง อีกทั้งยังจัดให้มีเกมส์ กิจกรรมการแสดงโชว์ชั้นนำต่างๆ อีกมากมายบนเวลา พร้อมด้วย Pretty และ MC สาวสวยทุกวัน