จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ผู้ตรวจติดตามเรื่องร้องเรียนสร้างเกือกม้าบนถนนเทพฯ

ผู้ตรวจติดตามเรื่องร้องเรียนสร้างเกือกม้าบนถนนเทพฯ 
สรุปเดินหน้าต่อ ใช้งบน้อย ให้เยียวยาได้รับผลกระทบ 


เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ห้องประชุมพระยาเสถียรฐาปนกิจ สำนักงานแขวงทางหลวงภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะ ร่วมประชุมกับนายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายปฏิเวชวุฒิศักดิ์ สุขี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงภูเก็ต ผู้แทนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างสะพานลอยจุดกลับรถ (เกือกม้า) บนถนนเทพกระษัตรี และการก่อสร้างทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 402 กับถนนเยาวราช(แยกสามกอง) อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งการก่อสร้างแล้วเสร็จล่าช้า 


เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนกรณีดังกล่าว หลังจากเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2559 ทางคณะผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ลงพื้นที่มาประชุมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้ข้อสรุปในครั้งนั้นให้แขวงทางหลวงภูเก็ตได้จัดทำข้อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการสร้างสะพานลอยจุดกลับรถกับทางเลือกอื่นๆ พร้อมทั้งให้ขอมีการรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 


ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการรายงานถึงความเป็นมาของการสร้างสะพานลอยจุดกลับรถ (เกือกม้า) บนถนนเทพกระษัตรี 2 จุด คือ บริเวณบ้านท่าเรือ ต.ศรีสุนทร กับบริเวณบ้านมุดดอกขาว ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง ซึ่งขณะนี้ออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้มีการลงนามการก่อสร้างไปแล้ว โดยเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 ใช้งบประมาณก่อสร้างรวม 156 ล้านบาท จะแล้วเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน 2561 พร้อมกันนี้ก็ได้มีการจัดรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 


ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเห็นด้วยกับโครงการที่แก้ปัญหาการจราจรของจังหวัดภูเก็ต และให้มีการทำประชาสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ก็ยังมีผู้เข้ารับฟังบางส่วนก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้รูปแบบเกือกม้า และต้องการให้ใช้รูปแบบอื่นที่ไม่กระทบประชาชนในบริเวณดังกล่าว ส่วนของการสร้างทางลอดสามกองขณะนี้ได้มีการเปิดใช้งานเรียบร้อยแล้ว ภายหลังจากการรับฟังคำชี้แจง และข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่างๆ


นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวสรุปที่ในที่ประชุมว่า สำหรับโครงการสร้างสะพานลอยจุดกลับรถ นั้นคงจะต้องเดินหน้าต้อไป เพื่อแก้ปัญหาการจราจรในภาพรวมของจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากใช้งบประมาณน้อย ใช้เวลาก่อสร้างไม่นาน ส่งผลกระทบต่อระบบการจราจรในขณะก่อสร้างน้อยกว่า ในทางกลับกันการก่อสร้างทางกลับรถแบบทางราบจำเป็นต้องใช้พื้นที่มากกว่าเดิม เพราะต้องเพิ่มรัศมีการเลี้ยว จำเป็นต้องขยายเกาะกลางให้มีขนาดกว้างขึ้น ทำให้เสียงบประมาณเวนคืนเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 2 เท่า 


ส่วนการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด เพื่อขจัดปัญหาการบดบังทัศนียภาพนั้น ต้องใช้งบประมาณที่สูงกว่าสะพานกลับรถต่างระดับถึง 7 เท่า และมีขั้นตอนการก่อสร้างเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากการมีขั้นตอนการดำเนินการที่ซับซ้อนกว่า เช่น ระบบไฟฟ้า แสงสว่าง ระบบระบายน้ำ เป็นต้น ขณะเดียวกันก็จะต้องให้มีการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการโครงการดังกล่าวด้วย
 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น