จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ที่ดินสั่งยกคำขอออกโฉนดในอุทยานฯ สิรินาถ 5 แปลง



เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 ที่ห้องประชุมชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายธรรมศักดิ์ ชนะ รองอธิบดีกรมที่ดิน พร้อมด้วยนายสมยศ เล่าชู เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบการออกโฉนดที่ดินบริเวณอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 


หลังจากที่นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่าอธิบดี กรมที่ดิน ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จำนวน ประมาณ 370 แปลง เนื้อที่ประมาณ 2,000 กว่าไร่ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา และจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน 


นายธรรมศักดิ์ กล่าวว่า จากการที่คณะกรรมการและคณะทำงานฯ ได้ร่วมกันตรวจสอบการรังวัดออกโฉนดที่ดินบริเวณอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ซึ่งผลการตรวจสอบจาก ส.ค.1 ทะเบียนการครอบครองและสารบบที่ดินที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้นพบว่า มีการออกโฉนดที่ดินไปโดยชอบและไม่ชอบด้วยระเบียบกฎหมาย ประเด็นแรก การตรวจสอบจากคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการบริเวณหาดสาคู จำนวน 5 แปลง เนื้อที่ประมาณ 445-2-83.5 ไร่ 


พบว่าหลักฐาน ส.ค.1 ที่นำมาออกโฉนดที่ดิน เชื่อว่า ตำแหน่ง ส.ค.1 ที่แท้จริง อยู่ในตำแหน่งคนละฝั่งเขาแต่อยู่ในหมู่ที่ 2 (หมู่เดียวกัน) และมีการจัดทำแบบแจ้งการครอบครองที่ดินขึ้นใหม่ โดยแก้ไขเนื้อที่ ระยะ และการจดแจ้งข้างเคียงให้ตรงกับสภาพที่ดินที่นำมาขอออกโฉนดที่ดิน โดยจัดทำให้ปรากฏข้างเคียงติดต่อกันเป็นที่ดินผืนใหญ่ และนำไปเป็นหลักฐานในการออกโฉนดที่ดินบริเวณหาดสาคู ซึ่งอยู่คนละฝั่งภูเขากับตำแหน่ง ส.ค. 1 แต่อยู่ในหมู่เดียวกัน ซึ่งสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ได้มีคำสั่งทางปกครอง ยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินตามหลักฐาน ส.ค.1 ดังกล่าว เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในกรณีนี้ผู้ยื่นคำขอสามารถอุทธรณ์คำสั่งได้ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 


ประเด็นที่ 2 การตรวจสอบเรื่องราวการออกโฉนดที่ดิน จำนวน 14 ราย แต่ที่มีการตรวจสอบได้ จำนวน 12 ราย โฉนด 57 แปลง บริเวณริมฝั่งทะเลในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนหนึ่ง ปรากฏว่า มีการออกโฉนดที่ดินเป็นไปตามระเบียบกฎหมายจริงและยังไม่พบเหตุแห่งการเพิกถอนหรือแก้ไขตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวน 6 ราย เนื้อที่ประมาณ 87-2-31 ไร่ โดยมี ส.ค.1 หรือออกจากหลักฐาน น.ส.3 ซึ่งออกก่อนประกาศเขตอุทยานฯ แต่หากได้รับข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกรมอุทยานฯ หรือกรมป่าไม้ หรือการตรวจสอบของสำนักงานที่ดินเอง จะนำเข้าสู่กระบวนการเพิกถอนต่อไป 


ส่วนอีกจำนวน 6 ราย เนื้อที่ประมาณ 556-3-59.4 ไร่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมว่า มีเหตุแห่งการเพิกถอนหรือแก้ไขตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินหรือไม่ โดยมีการแก้ไขเลขหรือแก้ไขทะเบียนการครอบครอง และแก้ไขระยะ ทำให้เป็น ส.ค.1ที่ไม่ชอบ อย่างไรหากมีการตรวจพบว่า มีเหตุแห่งการเพิกถอนหรือแก้ไขตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน กรมที่ดินก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการเพิกถอนหรือแก้ไขต่อไป ซึ่งในกรณีนี้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถอุทธรณ์คำสั่งได้ตามพระราชบัญญัติวิธีราชการปกครอง พ.ศ. 2539 ได้เช่นกัน นายธรรมศักดิ์กล่าว 


“การตรวจสอบเอกสารที่ดินในเขตอุทยานฯ เบื้องต้นจะดำเนินการในส่วนที่ปรากฏเป็นข่าวก่อน และมีการยืนยันมาจากทางอุทยานฯ ที่ชัดเจน ส่วนที่เหลือก็จะมีการทยอยดำเนินการ เนื่องจากต้องมีการอ่านแปลภาพถ่าย และการหาข้อมูลในเชิงลึกค่อนข้างลำบาก เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ซับซ้อน ต้องไปหาข้อมูล ส.ค.1ในหมู่ที่ 2 เดิมว่าเป็นอย่างไร แต่ทั้งหมดจะต้องดำเนินการแล้วเสร็จใน 60 วัน” 


นายธรรมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในกรณีที่มีข่าวว่าทางกรมที่ดินไม่ได้ให้ความร่วมมือนั้น ในข้อเท็จจริงแล้วทางกรมที่ดินและสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ได้ให้ความร่วมมือและเคยร่วมตรวจสอบเอกสารต่างๆ มาโดยตลอด สำหรับสารบบและระวางแผนที่ที่มีการนำไปใช้นั้นได้ถ่ายสำเนาจากสำนักงานที่ดินทั้งสิ้น ซึ่งจากการที่ตนได้ลงมานั่งทำงานที่สำนักงานที่ดิน สาขาถลาง ก็ได้มีการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ และป่าไม้ ซึ่งก็ได้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 


เพราะผลประโยชน์นั้นเป็นของประเทศชาติที่ต้องหาข้อเท็จจริงให้ได้ อย่างไรก็ตามในทางกลับกันกรมที่ดินได้มีหนังสือลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2557 สอบถามอธิบดีกรมป่าไม้ และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อขอทราบหลักฐานเกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าทดแทน ที่มีการนำเสนอข่าวนั้น จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับเอกสารที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานทั้งสองแต่อย่างใด เพราะหากได้ข้อมูลจะมีส่วนช่วยและเป็นหลักฐานในกระบวนการพิจารณาถอดถอนเอกสารด้วย 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น