จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

โอนรพ.สิริโรจน์ ยังคงใช้บุคลากรชุดเดิม




เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2557 ที่ห้องประชุมภูเก็ต ชั้น 3 โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นพ.ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ ประกอบด้วย โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ โรงพยาบาลกรุงเทพสมุย, โรงพยาบาลกรุงเทพพระปะแดง และคลินิกเวชกรรมดีบุก ได้เปิดแถลงข่าวตอบข้อซักถามกรณีการรับโอนกิจการ โรงพยาบาลสิริโรจน์ภูเก็ต ของทางบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ ว่า 


การเข้าไปควบรวมกิจการของทางโรงพยาบาลสิริโรจน์ภูเก็ตนั้นเป็นการดำเนินการโดยบริษัทแม่ คือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นความประสงค์ของทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกันจึงเกิดการโอนถ่ายกิจการได้ เนื่องจากทางบริษัท ภูเก็ต อินเตอร์เนชั่นแนลฮอสปิตอล จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาลสิริโรจน์ภูเก็ต จัดตั้งขึ้นในรูปแบบของบริษัทจำกัด ดังนั้นการทำธุรกรรมต่างๆ นั้นทางผู้ถือหุ้นหรือผู้ที่เป็นเจ้าของต้องเห็นชอบกับกระบวนการทั้งหมด 


“ในแง่การทำงานที่ผ่านมาก็มีการช่วยเหลือกันอยู่แล้ว เช่น การส่งต่อผู้ป่วย การใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น และอนาคตก็จะมีความร่วมมือต่อเนื่องกันไปจากเดิมที่เคยทำมา ส่วนรูปแบบการให้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 3 โรง ได้แก่ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โรงพยาบาลสิริโรจน์ ภูเก็ต และคลินิกเวชกรรมดีบุกภายใต้การบริหารงานโดย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)นั้น 


แต่ละโรงพยาบาลจะมีความชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งคงจะไม่มีการเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไร เนื่องจากโรงพยาบาลสิริโรจน์ ผู้ก่อตั้งคือ นพ.อนุโรจน์ ธารสิริโรจน์ ตั้งใจทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลของคนภูเก็ต และเราก็จะยังคงรักษาเจตนารมณ์ดังกล่าวไว้เช่นเดิม โดยยังคงดูแลคนไข้กลุ่มเดิมต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตมองว่าน่าจะเป็นผลดีกับคนในพื้นที่มากกว่าที่จะเป็นผลเสีย” 


นพ.ก้องเกียรติ กล่าวด้วยว่า ในแง่ของการบริหารนั้น คณะผู้บริหารตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาลลงมาจนถึงบุคลากรด้านต่างๆ นั้นยังคงใช้ชุดเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งเรียกว่า การโอนถ่ายกิจการ ทางบริษัทกรุงเทพฯ จะรับพนักงานทุกคนมายังบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งทางโรงพยาบาลสิริโรจน์มีโครงสร้างและวิธีการบริหารอย่างไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ส่วนของคณะกรรมการบริหารหรือบอร์ดบริหารจะมีทางฝั่งโรงพยาบาลกรุงเทพเข้าไปสนับสนุนในเรื่องของนโยบายและทรัพยากรต่างๆ ส่วนแง่การบริการผู้ป่วยหรือมาตรฐานต่างๆ นั้น 


เนื่องจากทั้ง 2 โรงพยาบาลจะได้รับมาตรฐาน JCI เหมือนกัน ก็ยังคงดำเนินการตามรูปแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง คือ ทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จะต้องพัฒนาขึ้นในลักษณะของการรักษาผู้ป่วยที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และเจาะจงมากขึ้นในโรคที่เดิมไม่สามารถรักษาได้ เช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น ส่วนของโรงพยาบาลสิริโรจน์นั้น ในเรื่องของชื่อโรงพยาบาลก็จะยังคงชื่อเดิม รูปแบบการบริการยังคงเน้นการดูแลคนในพื้นที่ 


เพราะนั่นคือเสน่ห์หรือบุคลิกของโรงยาบาลสิริโรจน์ซึ่งมีความใกล้ชิดกับคนในพื้นที่ เช่นเดียวกับเรื่องอัตราค่ารักษาพยาบาลก็จะยังคงใช้ราคาเดิม ซึ่งเราไม่มีนโยบายในการปรับหรือเพิ่มแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่โรงพยาบาลสิริโรจน์ทำมานั้นดีอยู่แล้ว ขณะที่คุณภาพด้านการบริการซึ่งมีมาตรฐานรับรองอยู่แล้ว และมีการตรวจสอบโดยคนภายนอกก็จะยังคงมาตรฐานเหมือนเดิม 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น