สถานบันเทิงเมืองภูเก็ต ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ
ขอขยายเวลาเปิดให้บริการถึง 3.30 น.
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2560 ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนผู้ประกอบการสถานบริการและสถานบันเทิงในเขตตัวเมืองภูเก็ต นำโดยนายจิรายุส ทรงยศ และนายสุรศักย์ ภูมิสุธาผล ได้เข้ายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอให้พิจารณาแนวทางการบริหารจัดการผ่อนผันเวลาปิดสถานบันเทิงเป็นการเฉพาะพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมี นายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้รับหนังสือแทน นอกจากนี้ยังมีนายศิวัชฐ์ ระวังกุล ป้องกันจังหวัดภูเก็ต ร.ต.นิวัฒน์ อินทนาคม รอง ผบ.ร้อย ค.หนัก ร.25/ รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการรักษาความสงบพื้นที่ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองภูเก็ต และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ร่วมด้วย
โดยสาระสำคัญของหนังสือที่ยื่นถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต สรุปใจความว่า ตามกฎกระทรวงกำหนดวันเวลา เปิดปิดของสถานบริการ พ.ศ. 2547 กำหนดให้สถานบริการที่ตั้งในเขตพื้นที่โซนนิ่งหรือนอกเขตพื้นที่โซนนิ่งก่อนพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่อนุญาตให้ตั้งสถานบริการฯ พ.ศ. 2546 บังคับใช้ให้สถานบริการแต่ละประเภทตาม พ.ร.บ.สถานบริการปิดให้บริการในเวลาที่แตกต่างกันแต่ไม่เกิน 21.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศแต่บริบทพื้นที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสําคัญ และทำรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประเทศ จึงทำให้มีบริการด้านการท่องเที่ยวและพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย แตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ
ดังนั้นการจะบังคับใช้กฎหมายเป็นการทั่วไปย่อมไม่เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และส่งผลกระทบต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงและสถานบริการ
ที่ผ่านมาผู้ประกอบการฯ ทราบดีว่าทางจังหวัดโดยผู้ว่าฯ หลายๆ ท่าน ได้พยายามประสานรัฐบาลผ่านทางกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อนำไปสู่การพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่การแก้กฎหมายเป็นไปได้ยาก เพราะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ แต่การบังคับใช้ดังกล่าวก็ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการเป็นลูกโซ่ จึงเสนอให้ผู้ว่าฯ พิจารณาใช้อำนาจการบริหารราชการภายในจังหวัด เพื่อร่วมหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารจัดการเป็นการเฉพาะพื้นที่โดยผ่อนผันให้สถานบริการสถานบันเทิงที่ตั้งอยู่และเปิดให้บริการในปัจจุบัน ให้เปิดบริการได้ถึงเวลา 03.30 น.
ทั้งนี้ผู้ประกอบการสถานบริการสถานบันเทิงทุกแห่ง ขอร่วมลงสัตยาบันว่า จะไม่กระทำการใดๆ หรือประกอบธุรกิจที่ทำให้สังคมเดือดร้อนนำไปสู่ความไม่สงบสุขเรียบร้อย กระทบต่อความมั่นคงของจังหวัดและของชาติ จะไม่ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าไปใช้บริการ จะไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ จะไม่กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดการค้าประเวณี การค้ามนุษย์ การพกพาอาวุธหรือวัตถุระเบิด หากสถานบริการใดกระทำผิดกฎหมาย หรือไม่กระทำตามที่ได้ลงสัตยาบันฯ ขอให้ทางราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเฉียบขาดได้ทันที
นายจิรายุส ทรงยศ กล่าวภายหลังยื่นหนังสือ ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการสถานบันเทิง และสถานบริการในพื้นที่เมืองภูเก็ต ได้รับความเดือดร้อนมากจากการปิดให้บริการในเวลา 01.00 น. เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เข้ามาใช้บริการช่วงห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน ทำให้มีเวลาให้บริการ เพียง 1-2 ชั่วโมง รายได้ที่เกิดขึ้นจึงไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ดังนั้นจึงต้องการขอขยายเวลาปิดไปจนถึง 03.30 น.เพื่อให้สอดคล้องต่อที่ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว และพฤติกรรมของนักเที่ยว
ด้านสุรศักย์ ภูมิสุธาผล กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นไม่เฉพาะกับผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังกระทบกับพนักงาน และคู่ค้าต่างๆ เป็นลูกโซ่ เพราะเมื่อสถานบริการหรือสถานบันเทิงต้องปิดตัวลงทำให้พวกเขาเหล่านั้นตกงาน โดยเฉพาะพนักงานบางส่วนซึ่งเป็นนักศึกษาที่มาหารายได้พิเศษ จึงอยากให้มีการขยายเวลาออกไป และให้เพิ่มความเข้มในเรื่องของการจะต้องไม่มีเด็กต่ำกว่า 20 ปี ไปใช้บริการ ไม่มีการค้ามนุษย์ ไม่มียาเสพติดหรืออาวุธ หากตรวจพบก็ให้ทางราชการดำเนินการตามกฎหมายทันที
ขณะที่นายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จะนำหนังสือ และข้อเสนอของผู้ประกอบการเสนอไปยังผู้ว่าฯ ต่อไป เพราะที่ผ่านมาก่อนหน้านี้มีผู้ประกอบการได้เสนอปัญหาและขอขยายเวลาเปิดปิดสถานบริการ และสถานบันเทิงมาแล้ว โดยทางจังหวัดฯ ก็ได้ส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับกฎหมายสถานบริการและสถานบันเทิง และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ด้วย แต่เนื่องจากกฎหมายได้ประกาศใช้ทั่วประเทศ ยังไม่มีการยกเว้นพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ฉะนั้นก็ต้องปฏิบัติให้เหมือนกัน เนื่องจากที่ผ่านมาเหมือนกันทั้งประเทศ ก็ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเหมือนกันทั่วประเทศ เพราะที่ผ่านมา มีปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานบันเทิง และสถานบริการอยู่เนืองๆ ทั้งการเปิดให้เด็กต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ เรื่องของยาเสพติด การค้ามนุษย์ เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องนี้หน่วยงานราชการในพื้นที่จะต้องเข้มงวด และต้องปฎิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น