จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อำเภอถลางเปิดที่ทำการอส.รักษาดินแดนถลาง 3



เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 ที่อาคารด้านข้างว่าการอำเภอถลาง ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอถลาง ที่ 3 โดยมีนายกองโท สุพจน์ ชนะกิจ ผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอถลางที่ 3 หัวหน้าส่วนราชการ ประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอถลาง ผู้นำท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม 


ภายหลังพิธีเปิดอาคารที่ทำการแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้มอบประกาศนียบัตรให้กับผู้ผ่านการฝึกโครงการฝึกทบทวนสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (ประเภทสำรอง)จำนวน 83 นาย พร้อมทั้งมอบประกาศนียบัตรให้กับผู้สนับสนุนการไปประกอบพิธีฮัจย์ทั้งเที่ยวไป เที่ยวกลับ จำนวน 20 ราย และมอบประกาศนียบัตรให้ผู้ผ่านการประเมินมาตรฐานงานชุมชน (มชช.) ประเภทผู้นำชุมชนจำนวน 8 ราย 


นายกองโท สุพจน์ ชนะกิจ ผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอถลางที่ 3 กล่าวว่า เดิมนั้นอาคารหลังนี้เป็นอาคารศาลาประชาคมอำเภอถลาง มีสภาพเป็นอาคารเป็นโกดังเก็บสิ่งของ และเอกสารทางราชการ และมีสภาพชำรุดทรุดโทรม แต่โครงสร้างของตัวอาคารยังมีสภาพที่มั่นคงแข็งแรง ทางอำเภอถลางเห็นว่า หากมีการปรับปรุงซ่อมแซมก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ 


จึงได้ร่วมกับชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอถลาง จัดการแข่งขันมวยไทยการกุศลขึ้น ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองถลางไปเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2556 ทำให้มีรายได้ส่วนหนึ่งเข้ามาเป็นทุนในการซ่อมแซม แต่ยังขาดงบประมาณอีกบางส่วน ซึ่งทางอำเภอได้จัดรายการมวยการการกุศลอีกครั้งในวันที่ 21 ธันวาคม 2556 ที่จะถึงนี้ ที่สนามมวยภูเก็ตแอร์พอร์ต 


ซึ่งคาดว่าสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จสมบูรณ์ ภายใต้งบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 750,000 บาท โดยไม่ใช้งบประมารของทางราชการ และสามารถใช้เป็นที่ทำการของกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองถลาง ที่ 3 ซึ่งมีกำลังพลทั้งสิ้น 193 นาย โดยได้แบ่งเป็นประจำการ 18 นาย ประเภทสำรอง 175 นาย 


นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว และเป็นสังคมเมือง ปัญหาเรื่องอาชญากรรม ปัญหาแรงงานเถื่อน และปัญหาอื่นๆ โดยจะเห็นได้ว่าปัญหาต่างๆ มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาเป็นจำนวนมาก ทำให้มีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ซึ่งการมีที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนเพื่อเป็นกำลังสำรองนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง 


พร้อมกันนี้นายไมตรี ยังได้ฝากให้สมาชิกอาสารักษาดินแดนนำไปเป็นข้อคิด 7 ประการคือ การรักษาเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของตนเองและประเทศชาติ ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีระเบียบวินัยซึ่งหากสังคมขาดวินัยแล้วสังคมจะเกิดความอ่อนแอ ต้องเข้มแข็งอยู่ในกฎเกณฑ์ สมาชิกอาสารักษาดินแดนต้องมีความอดทน อดกลั้นต่อความยากลำบากพร้อมรองรับกับทุกๆ สถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด 


ดำรงตนอยู่บนความเรียบง่าย ต่อตน พอเพียง พอประมาณ มีภูมิคุ้มกันในการดำเนินชีวิต ยึดมั่นในความสามัคคีเป็นปึกแผ่น ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไป ตรงมา สุจริต โปร่งใสและเที่ยงธรรม ประการสุดท้าย ต้องคำนึงถึงการทำตนให้เป็นประโยชน์สุขต่อตนเองและสังคมส่วนรวมอย่างเคร่งครัด 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น