จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการทต.กะรน เข้ามอบตัวสู้คดี




เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2557 ที่ห้องประชุมชั้น 3 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ.8 ร่วมกับ พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รอง.ผบช.ภ.8 รรท.ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พล.ต.ต.ปวีณ พงศฺสิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 และรองผู้บังคับตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต แถลงข่าวการขยายผลการดำเนินคดีและการแก้ไขปัญหากลุ่มแท็กซี่กระทำผิดกฎหมายใน จ.ภูเก็ต 


ภายหลังจากที่ตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดจำนวน 109 คน โดยเป็นการจับกุมตามหมายจับ 112 หมาย ผู้ต้องหา 109 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนาย ทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกะรน อ.เมืองภูเก็ตรวมอยู่ด้วย ในฐานความผิด เป็นผู้สนับสนุนในการที่ผู้อื่นกระทำผิดโดยร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น สนับสนุน กรรโชกและซ่องโจร ซึ่งทางนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกะรนได้เข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยให้การปฏิเสธ 


พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า จากการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง สามารถรวบรวมพยานหลักฐานยืนยันได้ว่า ยังมีผู้บริหารเทศบาลตำบลกะรน ทั้งนักการเมืองและข้าราชการอีกจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันกระทำผิดกฎหมายอาญาดังกล่าวข้างต้นด้วย โดยการสนับสนุนกลุ่มแท็กซี่กระทำผิดในหลายๆ ประการ เช่น ยินยอมให้แท็กซี่ยึดศาลาที่พักผู้โดยสาร ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและประชาชนพลเมืองทั่วไปสามารถใช้ร่วมกัน แต่กลับให้กลุ่มแท็กซี่เพียงกลุ่มเดียวยึดศาลา เพื่อจัดทำเป็นคิวแท็กซี่ อีกทั้งยังยินยอมให้ตั้งซุ้มศาลาไม้ไผ่อยู่ในที่สาธารณะจำนวน 32 คิว 36 ซุ้ม 


นอกเหนือจากนั้นยังเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มแท็กซี่กระทำผิดกฎหมายด้วยการใช้กระแสไฟฟ้าและน้ำประปาของเทศบาลตำบลกะรน รวมถึงการขีดตีเส้นบนพื้นถนนทำเป็นจุดจอดรถของแท็กซี่ผิดกฎหมาย โดยประชาชนทั่วไปไม่สามารถจอดรถได้ และที่สำคัญ คือ เมื่อมีข้อขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการกับกลุ่มแท็กซี่ที่ทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น ผู้บริหารเทศบาลตำบลกะรนจะจัดให้มีการประชุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแทบทุกครั้งจะใช้วิธีการต่างๆ บีบบังคับผู้ประกอบการให้ดำเนินการตามเงื่อนไขของกลุ่มแท็กซี่ผิดกฎหมายมาโดยตลอด แม้จะมีการร้องเรียนกลุ่มแท็กซี่ที่มีพฤติกรรมข่มขู่ทำร้ายนักท่องเที่ยวหรือเรียกเก็บเงินจากบริษัทผู้ประกอบการ แต่ทางผู้บริหารเทศบาลตำบลกะรนไม่เคยแก้ไขหรือจัดการแต่อย่างใด 


ดังนั้นชุดเฉพาะกิจปราบปรามแท็กซี่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ แล้วยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอออกหมายจับ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา และศาลก็อนุมัติหมายจับผู้บริหารเทศบาลตำบลกะรน จำนวน 4 คน ประกอบด้วย รองนายกเทศมนตรีตำบลกะรน ได้แก่ นายสมปอง ดาบเพชร นายอิทธิพล สังข์แก้ว, นายวีระศักดิ์ เอนกวงศ์สวัสดิ์ ปลัดเทศบาลตำบลกะรน และนายวันชัย แซ่ตัน ผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลตำบลกะรน ในฐานความผิดเป็นผู้ให้การสนับสนุนเช่นเดียวกันกับนายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกะรน โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนเพื่อต่อสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมาย พล.ต.ท.ปัญญากล่าว 


พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการคุ้มครองพยาน และการขอความร่วมมือในการเข้าให้ข้อมูลเป็นพยานนั้น ที่ผ่านมาสามารถให้ความมั่นใจ อบอุ่นใจแก่พยานทุกคนได้อย่างทั่วถึง มีประสิทธิภาพ ไม่พบหรือได้รับแจ้งจากพยานคนใดว่ามีการข่มขู่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันการดำเนินการปราบปรามดังกล่าวยังคงเดินหน้าต่อไป โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับกลุ่มแท็กซี่ที่มีอิทธิพลในพื้นที่หาดป่าตอง อ.กะทู้ และบริเวณสนามบินภูเก็ต อ.ถลาง จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการหรือผู้ที่เคยถูกกระทำละเมิดด้วยประการต่างๆ มาให้ข้อมูลเป็นพยานต่อเจ้าพนักงาน เพื่อให้สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดกฎหมาย ทั้งผู้ประกอบอาชีพแท็กซี่ ผู้สนับสนุนและผู้รับผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเฉียบขาด 


อย่างไรก็ตามในส่วนของพื้นที่ป่าตอง และสนามบินนั้นอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นอาจะมีนักการเมืองหรือข้าราชการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งก็ต้องรอดูพยานหลักฐานว่าเป็นอย่างไร ซึ่งคิดว่าน่าจะใช้เวลาไม่นาน โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่นั้นพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และการที่ศาลอนุมัติหมายจับนั้นก็เพราะมีพยานหลักฐานต่างๆ ชัดเจน พล.ต.ท.ปัญหากล่าว 


ขณะที่นายสมปอง ดาบเพชร รองนายกเทศมนตรีตำบลกะรน ซึ่งตกเป็น 1 ในผู้ต้องหาคดีฐานความผิดในการให้การสนับสนุนกลุ่มแท็กซี่ กล่าวว่า ได้รับทราบว่ามีหมายจับเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) ซึ่งก็ไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด เพราะเป็นการดำเนินการตามหน้าที่ในฐานะของผู้บริหารในการจัดระเบียบ และดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม ก็ว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และพร้อมที่จะสู้คดี 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น