จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ตรวจสอบที่ดินต่างชาติบุกรุกเขตอุทยาน



เมื่อบ่ายวันที่ 26 สิงหาคม 2555 นายเสริมยศ สมมั่น ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต และนายสุนทร วัชระกุลดิลก ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช ด้านปราบปราม นำกำลังเจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการตรวจสอบเอกสารสิทธิและปราบปรามการบุกรุก ยึดถือ ครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต กว่า 15 นาย ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต
เข้าตรวจค้นที่ดิน เลขที่ 76 เนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ ตั้งอยู่หมู่ 6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พบมีสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านพักตากอากาศหรู จำนวน 1 หลัง มูลค่ากว่าร้อยล้านบาท ด้านหน้าของอาคารมองเห็นวิวทะเลสวยงาม ปัจจุบันมีชาวต่างชาติ เป็นผู้ถือครอง


นายสุนทร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าที่ดินแปลงดังกล่าว ปัจจุบันมีนายเบอร์นาร์ด โคติเยอร์ ชาวฝรั่งเศส เช่าช่วงต่อจากบริษัท นุ่น จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารบ้านพักตากอากาศขนาดใหญ่ จำนวน 1 หลัง และปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบที่ดิน จำนวน 7 ไร่ 1 งาน 37 ตารางวา ตั้งแต่วันที่ 1พฤศจิกายน 2549 สิ้นสุดสัญญา วันที่ 31 ตุลาคม 2579 หรือเช่าเป็นเวลานานถึง 30 ปี ไม่มีเส้นทางเข้าออกทางถนน นอกจากนี้ยังพบท่าเรือขนาดเล็ก เพื่อไว้รองรับเรือสำราญหรือเรือยอช์ต บริเวณชายหาด ด้านหน้าที่ดินแปลงดังกล่าว


ส่วนการออกเอกสารสิทธิ์พบว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะออกเป็น น.ส.3 ก เมื่อ พ.ศ.2527 หลังการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ พ.ศ.2524 ซึ่งการที่จะออกหลักฐานโฉนดที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ถ้าหากไม่มีหลักฐานเดิม เช่น ส.ค.1 ที่ถูกต้องตามกฎหมายจะออกไม่ได้ และปรากฏว่าที่ดินแปลงนี้ออกโดยการเดินสำรวจ เฉพาะราย ตามมาตรา 58 ซึ่งตามมาตรา 58 ประมวลกฎหมายที่ดิน ออกไม่ได้ ถ้ามีการออกเอกสารสิทธิก็ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะว่าที่ตรงนี้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ 


ด้านนายเสริมยศ กล่าวถึงการเอาผิดผู้ที่ออกเอกสารสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าวว่า ในที่อนุรักษ์ การออกเอกสารสิทธิต่างๆ ต้องมีที่ไปที่มา ต้องมี ส.ค.1 หรือ น.ส.3 ก แต่ที่ดินแปลงนี้เป็นการเดินสำรวจเฉพาะราย ซึ่งระเบียบ ถามว่าผู้ซื้อ ณ ตอนนี้ไม่ผิด แต่ว่าเราจะเอาผิดผู้ที่ออกเอกสารสิทธิ โดยจะเข้าแจ้งความ เพื่อเอาผิดกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิแปลงดังกล่าวต่อไป ส่วนการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากเราได้มีการประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องไว้แล้วในการดำเนินการเรื่องนี้ โดยเฉพาะทางฝ่ายปกครอง และฝ่ายยุติธรรมของจังหวัดภูเก็ต ขณะที่ในส่วนของสิ่งปลูกสร้าง ถ้าศาลสั่งว่าผิดเราก็คงดำเนินการรื้อถอน ตามมาตรา 22 ต่อไป


นายเสริมยศ ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบพื้นที่โรงแรมตรีสรา ซึ่งเป็นของ บริษัท ทรีดอลฟินซ์ จำกัด เลขที่ 60/1 หมู่ 6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานฯ ด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีการทำประโยชน์เท่าไหร่ และถ้าพบส่วนไหนที่เกินจากเอกสารสิทธิที่ดิน เราก็ต้องดำเนินคดี เพราะถือว่าเป็นที่อุทยาน ส่วนที่เป็นเอกสารสิทธิก็ต้องตรวจลึกลงไปว่า มาจาก ส.ค.1 แปลงไหน เป็นอย่างไรก็ตามต้นกำเนิด ลึกๆ แล้วเราทราบว่าเป็น ส.ค.1 ใบเดียว มีเนื้อที่ 20 ไร่ แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นโฉนดเกือบ 200 ไร่ เพราะฉะนั้นความไม่ชอบมาพากลตรงนี้ เราต้องตรวจสอบ ซึ่งตรงส่วนนี้คงเป็นขั้นตอนระหว่างกรมอุทยาน กับกรมที่ดิน ที่จะหาความกระจ่างให้ชัดเจนต่อไป 


"ในปี 2508 มีการสำรวจและชดเชยผู้ที่ถือครอง ที่มีหลักฐาน ส.ค.1 ในพื้นที่ป่าสงวนในภูเก็ต ทั้งหมด 5 ราย ได้มีการจ่ายเงินชดเชยไปแล้ว และอีก 35 รายเป็นผู้บุกรุกที่ไม่มีเอกสารซึ่งก็ดำเนินคดีไปเรียบร้อย และศาลสั่งให้ออกตั้งแต่วันนั้นแล้ว โดยข้อสมมุติฐาน ของเราหลังจากปี 2508 ไม่ควรมีหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว แต่ ณ วันนี้ มีเป็นพันๆ แปลงที่มีหลักฐานโผล่ขึ้นมา” 

อย่างไรก็ตามหลังการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทางเจ้าหน้าที่ ได้เข้าแจ้งความ ที่สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล อ.ถลาง ภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่ออกเอกสาร น.ส.3 ก ในพื้นที่อุทยานดังกล่าวต่อไป ส่วนการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น