จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557

ผู้ว่าลงพื้นที่แก้ปัญหาปล่อยน้ำเสียลงคลองบางเทา




เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2557 ที่บริเวณสะพานคลองบางเทา ปากซอยอ่าวบางเทา 2 ต่อเนื่องจนถึงบริเวณอ่าวบางเทา หมู่ที่ 3 บ้านหาดสุรินทร์ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต นายประพันธ์ ขันธ์พระแสง ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต 


ตัวแทนจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ภูเก็ต ฝ่ายปกครองอำเภอถลาง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังได้รับการร้องเรียนว่า มีการปล่อยน้ำเสียลงในลำคลองดังกล่าว และไหลลงทะเลบริเวณปากอ่าวบางเทาทำให้น้ำในลำคลองและปากอ่าวมีสีดำคล้ำ ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ตลอดจนสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ประกอบอาชีพหรือลงเล่นน้ำบริเวณดังกล่าว 


โดยมีนายมาแอน สำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล (อบต.เชิงทะเล) นายศิริ ยกทอง รองนายกฯ นายชัยยงค์ จันทร์ทิพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านหาดสุรินทร์ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจาก อบต.เชิงทะเล นำตรวจสอบและชี้แจงรายละเอียด 


จากการตรวจสอบสภาพพื้นที่ พบว่า จุดที่มีปัญหาเป็นลำคลองที่ต่อเชื่อมกับปากอ่าวปากเทาโดยมีการตรวจสอบเริ่มจากสะพานซอยอ่าวบางเทา 2 จนถึงปากอ่าวบางเทา ระยะทางประมาณ 700 เมตร ซึ่งตลอดแนวดังกล่าวจะมีสถานประกอบการตั้งอยู่ตลอดแนว โดยด้านหลังของสถานประกอบการจะมีการต่อท่อน้ำทิ้งลงไปในลำคลอง นอกจากนี้ยังพบว่าภายในลำคลองน้ำจะสีดำและมีกลิ่นเหม็นไหลจากลำคลองลงทะเลบริเวณปากอ่าว ส่งผลให้น้ำทะเลบริเวณปากอ่าวมีสำดำคล้ำกระจายเป็นวงกว้าง แต่ห่างจากบริเวณจุดที่มีปัญหาประมาณ 100 เมตร ยังคงมีนักลงเที่ยวลงเล่นน้ำและอาบแดดตามปกติ 


นายไมตรี กล่าวภายหลังการรับฟังข้อมูลและตรวจสอบบริเวณพื้นที่ที่มีปัญหา พร้อมทั้งยังได้มีการทดลองนำน้ำในลำคลองบริเวณปากอ่าวมาลูบใบหน้าและแขน รวมทั้งดมกลิ่นด้วย ว่า เบื้องต้นมีสาเหตุมาจากชาวบ้าน ผู้ประกอบการร้านค้าร้านอาหาร สถานประกอบการและโรงแรมที่พัก ซึ่งในละแวกดังกล่าวมีโรงแรมตั้งอยู่ประมาณ 12 แห่ง ส่วนใหญ่จะมีระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งจะได้ให้ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฯ และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 15 มาตรวจสอบว่า มีการเปิดใช้ระบบหรือไม่อย่างไร โดยรายงานให้ทราบภายใน 2 สัปดาห์ 


นอกจากนี้ยังมีสถานประกอบการและร้านอาหารอีกจำนวน 18 แห่ง แต่มีการจดทะเบียนถูกต้อง 8 แห่ง ส่วนอีก 10 แห่ง ยังไม่ได้มีการจดทะเบียน เนื่องจากเป็นการดัดแปลงที่พักอาศัยทำเป็นร้านค้าร้านอาหารบาร์เบียร์ หรือร้านซักอบรีด ซึ่งให้ทาง อบต.เชิงทะเล นำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้อย่างเข้มงวด ประกอบกับในช่วงก่อนหน้านี้ 1-2 วัน บ่อบำบัดน้ำเสียของโรงแรมแห่งหนึ่งมีรอยรั่ว และทำให้น้ำเสียจากทางโรงแรม ไหลลงสู่คลองบางเทา แต่ผู้ประกอบการโรงแรมยืนยันว่าได้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ประกอบกับในช่วงนี้เป็นช่วงน้ำนิ่ง (น้ำตาย) นำให้ไม่มีน้ำทะเลไหลเข้ามาทำให้เกิดการเจือจางของน้ำในลำคลอง 


ทั้งนี้ในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในเบื้องต้น สั่งการให้ อบต.เชิงทะเล เร่งดำเนินการบำบัดน้ำเสียแบบขั้นได เพื่อให้ตะกอนในน้ำซึ่งมีสีดำตกตะกอนให้มากที่สุด และดูดเอาน้ำเสียจากลำคลองออกไปปล่อยน้ำดีส่วนบนไหลลงสู่ทะเลไป ในส่วนของเรื่องกลิ่นให้นำ EM น้ำ มาเทใส่บริเวณดังกล่าวเพื่อลดปัญหาในเรื่องกลิ่นเหม็น นอกจากนี้ ในส่วนของสถานประกอบการในพื้นที่โดยเฉพาะโรงแรมจะให้ทาง สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 15 ลงพื้นที่ตรวจสอบการบำบัดน้ำเสียทุกสัปดาห์ รวมทั้งให้มีการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้กับผู้ประกอบการและอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวให้ความสำคัญไม่ทิ้งน้ำเสียลงไปในลำคลอง 


ด้านนายมาแอน สำราญ นายก อบต.เชิงทะเล กล่าวว่า ทางอบต.เชิงทะเลพร้อมเริ่มปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดโดยทันที ทั้งในเรื่องการบำบัดน้ำเสียในคลองบางเทา รวมถึงการเข้าไปทำความเข้าใจกับร้านอาหารในพื้นที่ที่เป็นปัญหาทั้ง 2 ฝั่งคลอง ในเรื่องของการปล่อยน้ำเสีย รวมถึงการจดทะเบียนสถานประกอบการให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย 


ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั้น การดำเนินการเรื่องของบ่อบำบัดน้ำเสีย ซึ่งทราบว่า ทาง อบต.เชิงทะเล ได้งบประมาณจากรัฐบาล มาดำเนินการแล้ว จำนวน 320 ล้านบาท ขณะนี้ผู้รับเหมาได้ดำเนินงานไปแล้วแต่เกิดความล่าช้าเพิ่งแล้วเสร็จเพียงร้อยละ 30 เท่านั้น อย่างไรก็ตามทางจังหวัดภูเก็ต ได้อนุมัติงบประมาณ อีก 15 ล้านบาท เพื่อจัดทำเขื่อนกั้นคลอง ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวในอนาคต ขณะนี้อยู่ระหว่างประมูลหาผู้รับจ้าง 


ส่วนนายครรชิต สุนทรากร นักวิชาการสิ่งแวดล้อม สำนักสิ่งแวดล้อม ภาคที่ 15 ภูเก็ต ระบุว่า จากการวัดค่าบีโอดีของน้ำในลำคลองดังกล่าว พบว่าเกินมาตรฐานมาก โดยปกติน้ำตามธรรมชาติจะต้องมีค่าบีโอดีไม่เกิน 2 มิลลิกรัมต่อลิตร แต่น้ำในคลองบางเทาบริเวณต้นน้ำนั้นมีค่าบีโอดีถึง 10 มิลลิกรัมต่อลิตร และที่บริเวณปลายน้ำที่ไหลลงชายหาดและทะเลอยู่ที่ประมาณ 5 มิลลิกรัมต่อลิตร 


ขณะที่นายอนุสร โกลิยา ผู้ประกอบการร้านบูลไอแซม กล่าวว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเนื่องจากว่ามีการปล่อยน้ำเสียลงทะเล แขกร้านอาหารก็มาคอมเพลน ว่าสกปรกและมีกลิ่นเหม็น หลายรายมีอาการคัน ตนมองว่านักท่องเที่ยวจะไม่มาในพื้นที่อีกหากยังไม่มีการแก้ปัญหาเรื่องน้ำเน่าเสียดังกล่าว 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น