จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

รองประธานวุฒิแนะลดเงื่อนไขทั้งสองฝ่าย



นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ จ.ภูเก็ต ว่า การแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นขณะรี้ไม่มั่นใจว่าเป็นการตัดสินใจช้าหรือไม่ เพราะเราเรียกร้องกันมาตลอดว่าความขัดแย้งหรือความไม่เข้าใจกันนั้นจะทำสำเร็จได้นั้นต้องมีการพูดคุยกัน แต่หากมีการตั้งเงื่อนไขที่มากจนเกินไปก็ยากที่จะตกลงกันได้ ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ใช้กระบวนการเจรจา และให้แต่ละฝ่ายจะลดลงเงื่อนไขลง โดยคำนึงถึงผลกระโยชน์ของชาติและส่วนรวมเป็นหลัก อย่าเอาประโยชน์ของกลุ่มมาเป็นที่ตั้ง เพราะไม่เช่นนั้นก็ยากที่จะเจรจา รวมถึงการสร้างคนหลากเสื้อหลากสีมาเผชิญหน้ากันนั้นจะทำให้บาดแผลลึก ซึ่งจะมีความซับซ้อนและยากที่จะแก้ไข ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นรัฐบาลอาจจะต้องยอมในบางเรื่อง รวมทั้งจะต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน และเรียกร้องให้นำปัญหามาพูดคุยกันบนโต๊ะ โดยมุ่งหวังประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ

“จากการเจรจา 2 ครั้งที่ผ่านมา เห็นได้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างรำพึงรำพันถึงความไม่เป็นธรรมหรือย้อนหลังเรื่องในอดีต และต่างฝ่ายก็มีเงื่อนไข ซึ่งหากปรับเข้าหากันได้เรื่องก็จบไปนานแล้ว แต่ขณะนี้ค่อนข้างยากและมีความซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ก็จะมีคนเข้ามาหลากหลายกลุ่มและมองเฉพาะผลกระทบเฉพาะกลุ่ม จึงวุ่นวายกันไปหมด ส่วนการใช้กำลังเข้าปราบปรามคิดว่าไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง เพราะไม่สามารถทำให้ทุกคนสงบได้ ซึ่งบทเรียนเช่นนี้เราเคยมาแล้วในคราวการเคลื่อนไหวของลัทธิคอมมิวนิตส์ สุดท้ายต้องหันมาเจรจากันจึงยุติได้”

นายนิคม กล่าวว่า ในการที่จะเจรจากันได้นั้นทั้งสองฝ่ายจะต้องยอมลดเงื่อนไขของตนเองลงมา เพราะยังยืนอยู่ในเงื่อนไขของตัวเองก็ไม่สามารถที่จะตกลงกันได้ ส่วนการออกของกลุ่มอื่นๆ นั้น ในความจริงแล้วไม่ใช่เพราะที่ขัดแย้งกันจริงๆ มีเพียง 2 กลุ่ม คือรัฐบาลกับเสื้อแดง ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ออกมานั้นเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชุมนุมโดยออกมาเรียกร้องสิทธิ์และกดดัน ดังนั้นหากมีการเจรจาและหาข้อยุติได้ไม่มีการชุมนุมกลุ่มอื่นๆก็จะหมดไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตามอยากเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายลดเงื่อนไขลงมา ซึ่งขณะนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ของกลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มเปลี่ยนไม่ใช่เรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณแล้ว แต่เป็นเรื่องของชนชั้น หากรัฐบาลมีความเข้าใจในประเด็นต้นเหตุของปัญหาก็สามารถเจรจาในรอบที่ 3 รอบที่ 4 จนประสบความสำแร็จ เพราะการเจรจาเพียง 1 หรือ 2 ครั้งไม่อาจจบได้ ซึ่งการพูดคุยกันก็จะแก้ปัญหาได้ นายนิคม กล่าวและว่า การเจรจาหากยึดเฉพาะเงื่อนไขหรือตั้งธงของตนเองไว้ก็ยากจะแก้ไข ซึ่งหากตนเป็นรัฐบาลจะยอมลดเงื่อนไขลงก่อนเพื่อแสดงให้เห็นความจริงใจ เพราะรัฐบาลเป็นผู้ใหญ่และเป็นผู้มีอำนาจ ซึ่งต้องมีคุณธรรมจริยธรรมมากกว่าบุคคลทั่วไป จึงต้องหยิบยื่นให้ก่อน ซึ่งวัฒนธรรมของสังคมไทย ผู้ที่เข้มแข็งกว่าจะต้องโอนอ่อนให้กับผู้อ่อนด้อยกว่า ส่วนกรณีที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรเพื่อไทย และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จะขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้นก็อาจจะมองว่าไม่มีทางออกถึงทางตันแล้ว เพราะมีข่าวลือเกี่ยวกับการปราบปราม ซึ่งอาจจะทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวน จึงต้องขอพึ่งพระบารมีของพระองค์ท่านซึ่งเป็นที่พึงของปวงชนชาวไทย อย่าคิดว่าเป็นการดึงฟ้าลงมาต่ำ แต่เป็นเพราะไม่มีทางออกจึงต้องพึ่งพระบารมี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น