จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557

พ่อเมืองภูเก็ตลงพื้นที่ตรวจสอบ “ภูเก็ตบันจี้จัมพ์”




เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2557 นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายสำราญ จินดาพล นายกเทศมนตรีตำบลฉลอง นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต นายวงศกร นุ่นชูคันธ์ โยธาธิการจ.ภูเก็ต ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม ผู้อำนวยการศูนย์ปภ. เขต 18 ภูเก็ต นายศุภวัฒกัณฐ์ คุณลักษณ์ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลฉลอง เขต 2 นายสิชล เหมือนเลื่อน วิศวกรโยธา รักษาราชการผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลตำบลฉลอง ตัวแทนสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง


ลงพื้นที่ตรวจสถานที่การให้บริการบันจี้จัมพ์ หรือ ภูเก็ตบันจี้จัมพ์ ภายในซอยศาลเจ้ากวนอู หมู่ 2 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต หลังเกิดเหตุลวดสลิงยึดติดกับกระเช้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์เล่นบันจี้จัมพ์ขาด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายพิทักษ์ชัย วงศ์ศรีชา อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนภูเก็ตบันจี้จัมพ์ชาวจังหวัดพังงา และนายทศพร สุกศรี อายุ 27 ปี นายช่างประจำบันจี้จัมพ์ ชาวท้ายเหมือง จ.พังงา นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ นายอนุพงษ์ กันทาวงศ์ อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดพังงา เป็นพนักงานประจำกระเช้า หลังจากทั้งหมดขึ้นไปทำการทดสอบระบบก่อนที่จะเปิดให้บริการ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา 


ทั้งนี้นายไมตรี กล่าวภายหลังการตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ และสอบถามรายละเอียดต่างๆ จากเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ว่า ได้มาตรวจสอบใน 4 เรื่อง คือ เรื่องแรก การขออนุมัติอนุญาต หรือ อ.1 จากท่อจากทางท้องถิ่น ซึ่งทางฝ่ายกองช่างเทศบาลตำบลฉลองแจ้งว่า ได้มีการมายื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร จำนวน 3 อาคาร ได้แก่ อาคารบริการ อาคารสำนักงาน และอาคารบันจี้จัมพ์ ซึ่งมีความสูง 12 เมตร แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่เป็นไปตามที่ขออนุญาตและอนุมัติ โดยมีการก่อสร้างอาคารบริการกับอาคารสำนักงานรวมเป็นอาคารเดียว 


ขณะที่อาคารบันจี้จัมพ์ก็มีการก่อสร้างสูงกว่าที่กำหนด โดยก่อสร้างสูงถึง 52 เมตร ซึ่งสาเหตุที่บริเวณดังกล่าวก่อสร้างได้เพียง 12 เมตร เนื่องจาเป็นเขตพื้นที่สีเขียวตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะต้องมีการขออนุญาตใช้อาคาร หรือ ใบ อ.6 จากทางเทศบาลฯอีกครั้ง แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินการ และก่อนเทศกาลสงกรานต์ทางเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลฯ ได้เข้ามาตรวจสอบและแจ้งด้วยวาจาการก่อสร้างนั้นไม่เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะความสูงในส่วนของอุปกรณ์ที่จะใช้กระโดดบันจี้จัมพ์ซึ่งสูงกว่าที่ได้รับอนุญาต 


ประเด็นถัดมา สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ส่วนแรกทางด้านวิศวกรรม กับส่วนตัวบุคคล ซึ่งเป็นความประมาทและสะเพร่า โดยนายกเทศมนตรีตำบลฉลองให้เหตุผลว่าน่าจะมาจากส่วนที่ 2 คือ ตัวบุคคล เพราะในห้องควบคุมอุปกรณ์ไม่มีไฟฟ้าแสงสว่าง และมีการทดสอบในช่วงกลางคืน ผู้ที่ทำการทดลองอาจจะไม่มีประสบการณ์มากนัก และความไม่เป็นมืออาชีพเท่าที่ควร เพราะการบริการที่มีความเสี่ยงนั้นผู้ให้บริการจะต้องเป็นมืออาชีพและมีมาตรฐาน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเรื่องของชีวิต 


นอกจากนี้จากการตรวจสอบสภาพพื้นที่ให้บริการก็ยังไม่พร้อมที่จะให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นทางเข้า หรือพื้นที่ที่ให้บริการ ประเด็นที่ 3 การดำเนินคดี ซึ่งเป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนทางกองช่างเทศบาลฯ ก็จะต้องมีการส่งข้อมูลประกอบในการดำเนินคดเกี่ยวกับการทำผิด พ.ร.บ.อาคาร 


ประการสุดท้าย การป้องกัน เนื่องจากในพื้นที่ จ.ภูเก็ตก็มีการให้บริการบันจี้จัมพ์อยู่ 2-3 แห่ง ซึ่งสั่งการให้โยธาธิการและผังเมืองฯ ตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจนว่ามีมากน้อยเพียงใด และจะต้องตรวจสอบมาตรฐานในการให้บริการ เพราะการให้บริการเช่นนี้เสี่ยงในเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของคน จึงต้องมีการรีเชค เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด และมากว่าที่เคยทำมา เช่นเดียวกับการนั่งเรืออกทะเลหรือการเล่นเจ็ทสกี ซึ่งจะต้องมีคำเตือนหรือคู่มือที่จะต้องปฏิบัติ 


นายไมตรี กล่าว อย่างไรก็ตามนายไมตรี กล่าวด้วยว่า อยากจะฝากผ่านสื่อมวลชนไปยังผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่จะทำกิจกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และการสร้างอาคารที่เกี่ยวกับความเสี่ยงหลายอย่าง และทางจังหวัดเป็นห่วง ซึ่งได้กำชับไปแล้วในการประชุมผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจะมีหนังสือย้ำเตือนเพิ่มเติม ทั้งในเรื่องของการก่อสร้างอาคารที่จะต้องให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางหนีไฟ เสียง หรือความเสี่ยงที่สร้างบนเนินเขาและพื้นที่ชุ่ม หรือแลนด์สไลด์ เกี่ยวกับ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม การขุดเจาะบ่อบาดาล หรือการถมขุมน้ำ โดยขอให้ผู้ประกอบากรทุกรายตระหนักเรื่องของความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาคม ชุมชนและบ้านเรือนของราษฎร เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุร้ายที่ไม่คาดคิดขึ้น 


กรณีการมาขออนุญาตเกี่ยวกับกิจกรรมที่มีความเสี่ยงนั้น นายไมตรี กล่าวว่า จะได้ทำหนังสือเน้นย้ำไปยังท้องถิ่นต่างๆ ในการอนุญาต และมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดการทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ก็น่าจะเป็นอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดี 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น