จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

สพฉ.จับมือ (JICA) ติวเข้มแพทย์ฉุกเฉินอาเซียน




เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2557 ที่ห้องประชุมชั้น 2 โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติแห่งชาติ (สพฉ.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกับ The Japan International Cooperation Agency หรือ (JICA) ซึ่งเป็นองค์กรความร่วมมือระหว่าง ประเทศของญี่ปุ่นที่มุ่งเน้นภารกิจในการพัฒนามนุษยชาติให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จัดประชุม ASEAN Disaster Medicine workshop ครั้งที่ 1 


โดยมีนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และนางโนริโกะ ซูซุกิ (Ms.Noriko Suzuki) ตัวแทนจากไจก้า ร่วมเป็นประธานเปิดการสัมมนา มีผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย ทีมแพทย์ด้านการบรรเทาภัยพิบัติ และเจ้าหน้าที่จากไจก้า ทีมให้ความช่วยเหลือการแพทย์ด้านภัยพิบัติ สพฉ.ผู้แทนองค์กรที่เกี่ยวข้อง 


ตลอดจนนายแพทย์ที่ทำงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินและภัยพิบัติจากทั้ง 10 ประเทศในอาเซียน ผู้แทนจากองค์การอนามัยโลก สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการอาเซียน และศูนย์เตรียมความพร้อมภัยพิบัติแห่งเอเชีย 


นายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร กล่าวว่า เป็นครั้งแรกของภูมิภาคอาเซียนที่มีการจัดประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ในสถานการณ์ภัยพิบัติ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภูมิภาคอาเซียนมีภัยพิบัติเกิดขึ้นในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด คลื่นยักษ์สึนามิ พายุ น้ำท่วม และภัยพิบัติในรูปแบบอื่น ๆ ดังนั้นการจัดประชุมครั้งนี้ 


จึงเป็นเวทีสำคัญสำหรับการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานทางการแพทย์ด้านภัยพิบัติในประเทศอาเซียน จะได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทางด้านการแพทย์ฉุกเฉินในสถานการณ์ภัยพิบัติของแต่ละประเทศ เพื่อเป็นการถอดบทเรียนในการจัดการทางด้านการแพทย์ในสถานการณ์ภัยพิบัติให้กับประเทศอื่นๆ ได้เตรียมการรับมือ และนำกลับไปพัฒนาระบบการแพทย์ในประเทศของตนเองให้พร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ 


ทางด้านนางโนริโกะ ซูซุกิ ตัวแทนจากไจก้า กล่าวว่า โดยความร่วมมือของ สพฉ.ไทย และ JICA และประเทศในอาเซียน ในโลกเรามีภัยพิบัติที่หนักขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากสภาวะโลกร้อน อย่างที่เคยเกิดขึ้น เป็นสึนามิเมื่อ 8 ปีก่อน เป็นเรื่องสำคัญมากที่ประเทศต่างๆ ในอาเซียนจะเพิ่มความพร้อมของตน แต่ที่สำคัญกว่า คือ การร่วมมือโดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของพรมแดน เราต้องร่วมมือกันระหว่างประเทศ 


โดยประเทศที่อยู่ใกล้กันจะมีภัยพิบัติที่คล้ายกัน เรียนรู้ร่วมกันในการแก้ปัญหาที่เหมือนกัน ในประเทศญี่ปุ่นจะมีประสบการณ์ด้านภัยพิบัติมากมาย เช่น แผ่นดินไหวโกเบ สึนามิ ญี่ปุ่นอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้อาเซียน และสพฉ. ซึ่งในการประชุมครั้งนี้จะได้เรียนรู้การรับมือภัยพิบัติต่างๆ สามารถให้ประเทศที่มาร่วมได้เร่งความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติ ในส่วน JICA จะพยายามช่วยในเรื่องทรัพยากร ของประเทศในอาเซียน 


สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจในครั้งนี้ ประกอบด้วย การจัดสาธิตการแข่งขันแรลลี่ด้าน การแพทย์ฉุกเฉินของประเทศไทย การอภิปราย ถอดบทเรียนการจัดการทางด้านการแพทย์ฉุกเฉินในสถานการณ์ภัยพิบัติของแต่ละประเทศ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสามารถด้านการแพทย์ฉุกเฉิน และการแพทย์ด้านภัยพิบัติในแต่ละประเทศอาเซียน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความร่วมมือและการประสานงานระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน ในการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ โดยประเทศไทยพร้อมเป็นศูนย์กลาง เพื่อดำเนินการให้เกิดศูนย์ประสานงานอย่างเป็นรูปธรรมด้วย 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น