จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

รองหัวหน้า คสช. วางกรอบแก้ปัญหารุกพื้นที่อุทยานฯ




เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2557 ที่ห้องรับรองหมวดบินเฉพาะกิจ ทัพเรือภาคที่ 3 อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) หัวหน้าฝ่ายสังคมและจิตวิทยา พร้อมคณะ รับฟังบรรยายสรุปผลการแก้ไขปัญหาการบุกรุกอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง และการดำเนินการแก้ไขปัญหากลุ่มแท็กซี่ที่กระทำผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต


โดยมีพลเรือโทธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยต่างๆ เข้าร่วม ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงการดำเนินงาน อาทิ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 นายสมัคร ดอนนาปี ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจิระศักดิ์ ชูความดี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เป็นต้น โดยใช้เวลาในการรับฟังกว่า 1.30 ชั่วโมง

หลังจากนั้นคณะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ที่ทางทัพเรือภาคที่ 3 จัดให้พร้อมทั้งสื่อมวลชน ขึ้นบินสำรวจพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ และแนวชายหาดต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ตตั้งแต่สะพานสารสิน หาดทรายแก้ว หาดไม้ขาว หาดในยาง หาดในทอน อ.ถลาง เป็นต้น จนถึงกองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต

ทั้งนี้ น.อ.เพชรัตน เทียมจันทร์ รอง ผอ.กพร.บก.ทรภ.3 กล่าวสรุปถึงการรับฟังบรรยายสรุปของ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) หัวหน้าฝ่ายสังคมและจิตวิทยา และคณะ ว่า เป็นการมารับฟังแนวทางการดำเนินการและปัญหาของอุทยานฯ สิรินาถ ในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ สิรินาถ และการแก้ไขปัญหากลุ่มแท็กซี่ที่กระทำผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตของตำรวจภูธรภาค 8


ในส่วนของอุทยานฯ ได้มีการชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ของอุทยานฯ สิรินาถ โดยจากการตรวจสอบเอกสารสิทธิของพื้นที่ 43 แปลง เนื้อที่ 700 กว่าไร่ ซึ่งมีการนำ ส.ค.1 มาใช้ในการออกเอกสารสิทธิ ว่า เป็นพื้นที่ที่ไม่ควรจะมี ส.ค.1 เพราะเดิม ส.ค.1 ที่มีผู้ที่ถือครองในอดีตมีเพียง 2 รายเท่านั้น และทางอุทยานฯ ก็ได้ดำเนินการกันพื้นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ควรจะมีการนำ ส.ค.1 มาออกเอกสารสิทธิได้อีก


ดังนั้นจึงสามารถที่จะทำการเพิกถอนเอกสารสิทธิได้เลย กับกรณีพื้นที่คาบเกี่ยวของอุทยานฯ กับพื้นที่ป่าสงวนเขารวกเขาเมือง จำนวน 46 แปลง เนื้อที่ประมาณ 500 ไร่เศษ สามารถที่จะดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิได้เลยเช่นกัน เพราะมีลักษณะเหมือนกับ 43 แปลงที่กล่าวมาข้างต้น ทั้งนี้ทางอุทยานฯ ได้แจ้งให้ทราบด้วยว่า เอกสาร ส.ค.1 ใน จังหวัดภูเก็ตมีทั้งหมดประมาณ 3,000 ฉบับ


โดยทาง ผบ.ทร. จะทำการขอรายละเอียดของ ส.ค.1 จากทางกรมที่ดิน เพื่อตรวจสอบว่า ส.ค.1 ที่มีอยู่นั้นมีการออกโฉนดไปแล้วจำนวนเท่าใด และปัจจุบันยังเหลือ ส.ค.1 ที่ไม่ได้นำมาออกโฉนดอีกเท่าใด เพื่อจะได้ควบคุมได้ว่าพื้นที่ทั้งเกาะภูเก็ตยังคงเหลือ ส.ค.1 ที่ยังไม่ได้ออกโฉนดอีกเท่าใด รวมทั้งจะได้พิสูจน์ที่มาที่ไปของ ส.ค.1 ที่นำมาใช้ เนื่องจากทางอุทยานฯ ระบุว่า ประเด็นปัญหาของการบุกรุกเกิดจากการครอบครอง ส.ค.1เพราะไม่มีการระบุพิกัดที่ชัดเจน เป็นการบอกเพียงว่ามีที่ตั้งอยู่หมู่ใด จึงเกิดปัญหา ส.ค. บินและ ส.ค.บวม ซึ่งมีค่อนข้างมากใน จ.ภูเก็ต


นอกจากนี้ทางอุทยานฯ ยังมีการชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินการเพิ่มเติมด้วยว่า ในพื้นที่ที่มีการตรวจสอบก่อนที่จะมีการเข้ามาดำเนินการของ คสช. นั้นมีการปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างในหลายพื้นที่ รวมทั้ง 14 แปลง ที่ทางดีเอสไอรับเรื่องไปดำเนินการ เนื่องจากเป็นคดีที่สำคัญ และมีความเกี่ยวพันในหลายประเด็น เพื่อว่าในการผลักดันให้การแก้ปัญหาเร็วขึ้น เพราะจากการพูดคุยในที่ประชุมพบว่า ในแต่ละเรื่องที่ดำเนินการจะมีขั้นตอนค่อนข้างยาวนาน ตั้งแต่ขั้นตอนของตำรวจ การสืบสวนพยาน จนถึงอัยการส่งฟ้องศาล และศาลแต่ละชั้นใช้เวลานานมากนับ 10 ปี กว่าคดีจะสำเร็จ จึงต้องมาหารือหาแนวทางว่าจะทำให้กระบวนการต่างๆ สั้นลง และมีความรวดเร็วขึ้น


ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินการแก้ไขปัญหากลุ่มแท็กซี่ที่กระทำผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีจำนวนประมาณ 300 คิว มีจำนวนรถเกือบ 4,000 คัน ซึ่งการจัดระเบียบนั้นเพื่อให้ผู้ประกอบการดังกล่าวได้ประกอบการอย่างถูกต้อง และเพื่อให้คนที่ทำถูกต้องอยู่แล้วมีสิทธิในการรับผลประโยชน์ในการรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ที่ทำไม่ถูกต้องก็จะมีมาตรการดำเนินการอย่างไร เพื่อให้กลับเข้าสู่ระบบให้ถูกต้อง


ทั้งนี้เบื้องต้นมีกำหนดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา แท็กซี่ป้ายดำจะต้องงดรับส่งผู้โดยสารอย่างเด็ดขาด รวมถึงจะดำเนินการอย่างไรกับแท็กซี่ที่ผิดกำหมาย เพราะขณะนี้ก็ใกล้เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับการจัดคิวแท็กซี่มาเฟียต่อเนื่องไปถึงการจัดระเบียบ เพราะมีการระบุว่าจัดการแท็กซี่ไปแล้วทำไมยังมีการบุกรุกพื้นที่ชายหาด จึงทำให้มีการจัดระเบียบต่อเนื่องไปถึงพื้นที่ชายหาดด้วย


และแต่ละพื้นที่ก็จะดำเนินการแตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่ เช่น พื้นที่อุทยานฯ พื้นที่สาธารณะที่อยู่ในความดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทุกพื้นที่ชายหาดของภูเก็ตจะต้องมีการจัดระเบียบ ทั้งนี้ปัญหาที่ได้มีการนำเสนอนั้นทาง ผบ.ทร.ก็จะนำไปเสนอต่อ คสช. เพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาให้ตรงจุด ต่อเนื่อง และยั่งยืนต่อไป


อย่างไรก็ตาม น.อ.เพชรัตน กล่าวว่า หลังจากที่รับฟังบรรยายสรุปแล้ว ทาง ผบ.ทร.ก็รับเรื่อง และเมื่อมีการประชุมในเรื่องของการแก้ปัญหาการบุกก็จะได้เชิญในส่วนของกระทรวงทรัพย์ฯ ซึ่งดูแลเรื่องป่าไม้ และอุทยานฯ รวมถึงในส่วนของกรมที่ดินด้วย เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกัน เพราะจะทำเพียงหน่วยใดหน่วยหนึ่งไม่ได้ แต่ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ซึ่งในส่วนของการประชุมนั้นคาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ ที่กรุงเทพมหานครฯ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น