จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ทบทวนแนวทางปฎิบัติปราบปรามการบุกรุกป่าไม้




เมื่อวันที่ 22 กรกฏาคม 2557 ที่ห้องประชุมกลุ่มจังหวัดอันดามัน ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า (คปป.) จังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 1/2557 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการบุกรุทำลายป่าไม้จังหวัดภูเก็ต 


รวมถึงคำสั่งของคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ การเพิ่มเติมหน่วยงานในการปราบปราม หยุดยั้งการถูกบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และนโยบายการปฎิบัติงานเป็นการชั่วคราวในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วม อาทิ ตำรวจภูธรจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมล้ม อุทยานแห่งชาติสิรินาถ 


ทั้งนี้ภาพรวมของจังหวัดภูเก็ตมีป่าสงวนแห่งชาติทั้งหมด 16 ป่า รวมเนื้อที่ 107,578 ไร่ ประกอบด้วยป่าบก 9 ป่า และป่าสงวนแห่งชาติที่เป็นป่าชายเลน 7 ป่า มีอุทยานแห่งชาติ 1 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ และมีเขตห้ามล่าสัตวืป่า 1 แห่งคือ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว โดย ประจำปีงบประมาณ 2557 ระหว่างเดือนตุลาคม 2556 – กรกฎาคม 2557 ได้มีการสรุปคดีที่เกี่ยวกับการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งมีการจับกุม 72 คดี ผู้ต้องหา 63 คน และนิติบุคคล 3 บริษัท พื้นที่ที่ถูกบุกรุกเป็นป่าบก 328 ไร่เศษ และพื้นที่ป่าชายเลน 10 ไร่เศษ 


อย่างไรก็ตามนายไมตรี กล่าวว่า ในการดำเนินการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยกรป่าไม้ของจังหวัดภูเก็ต นั้น จะต้องดำเนินการตามแนวทางที่ คสช.กำหนด ซึ่งได้กำหนดแนวทางปฎิบัติ ประกอบด้วย การดูแลรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ การอนุรักษ์และการป้องกันรักษาทรัพยากรป่าไม้ และด้านการปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ โดยดึงภาคส่วนต่างๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาทรัยากรป่าไม้ รวมถึงการปลูกป่าในวาระต่างๆ 


ทั้งนี้ในแผนปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าไม้นั้น มีวัตุประสงค์เพื่อปลูกฟื้นฟูและบำรุงรักษาต้นไม้ บริเวณพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ที่สาธารณะ โรงเรียน ศาสนสถาน สถานที่ราชการและอื่นๆ คุ้มครองป้องกันและควบคุมการใช้ทรัพยากรป่าไม้ที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดภูเก็ตให้คงอยู่ตลอดไป โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันของส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนในพื้นที่อย่างเป็นธรรม รวมทั้งเพื่อดำเนินการปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐและการทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ทุกฉบับ 


จากการติดตามข้อมูลพบว่า หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้มีการลงพื้นที่ปฎิบัติงานค่อนข้างมาก แต่บางครั้งขาดการรายงานผลการปฎิบัติดังกล่าว ดังนั้นหลังจากการประชุมครังนี้แล้ว ขอให้ทุกหน่วยงานที่ลงพื้นที่ปราบปรามหรือฟื้นฟูก็ก็ให้มีการรายงานมายังทางเลขาฯ เพื่อจะได้ทำการรวบรวมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน เพื่อนำเสนอต่อทาง คสช.ต่อไป นายไมตรีกล่าว 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น