จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ฝากตำรวจบ้าน อย่าแสวงหาผลประโยชน์


 
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่ห้องประชุมชั้น 4 สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมและทบทวนอาสาสมัครตำรวจบ้าน ประจำปี 2554 ของสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ซึ่งมี พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจของ สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตที่เกี่ยวข้อง กกต.ตร.สถานีตำรวจเมืองภูเก็ต คณะกรรมการไกล่เกลี่ยสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ตลอดจนผู้เข้ารับการฝึกอบรมและทบทวนอาสาสมัครตำรวจบ้าน เข้าร่วมจำนวน 120 คน
พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ในนามของคณะกรรมการดำเนินงานฝึกอบรมโครงการฝึกอบรมและทบทวนอาสมัครตำรวจบ้าน ประจำปี 2554 กล่าวว่า ด้วยสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ในการสร้างเครือข่ายช่วยเหลืองานในกิจการตำรวจในทุกด้าน ทั้งลักษณะเครือข่ายปฏิบัติและลักษณะแนวร่วม ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้จัดทำโครงการฝึกอบรมและทบทวนอาสาสมัครตำรวจบ้าน ประจำปี พ.ศ.2554 ขึ้น เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน ท้องถิ่น และองค์กรในกิจการตำรวจ เพื่อสร้างเครือข่ายลักษณะปฏิบัติการ เป็นการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนในการร่วมปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยให้แก่ชุมชนและท้องถิ่น ช่วยเหลือและสนับสนุนการจัดการจราจร
รวมถึงการเข้าร่วมในการป้องกันภัย ระงับเหตุและช่วยเหลือหรือกู้ภัยจากอุบัติภัยต่างๆ เพื่อสร้างเครือข่ายลักษณะแนวร่วม เป็นการเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานตำรวจ เพื่อแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน/ชุมชน/ท้องถิ่น ให้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม คุ้มครองตนเองและชุมชน เพื่อฝึกทบทวนอาสาสมัครตำรวจทั้งที่มีอยู่เดิมและที่อาสาสมัครเข้ามาใหม่ให้เกิดความพร้อมและเข้าใจทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ตลอดจนเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับประชาชน ด้วย
ทางด้านพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวฝากกับผู้เข้ารับการฝึกอบรมว่า กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจในปัจจุบันมีไม่เพียงพอ จึงจำเป็นที่จะต้องอาศัยกำลังของอาสาสมัครเข้ามาช่วยเหลือ และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าหน้าที่ แต่ที่ผ่านมามีผู้ร้องเรียนว่าอาสาสมัครบางรายมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เมื่อมีการตรวจค้นก็จะยึดเอาทรัพย์สินของประชาชนไปด้วย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีเพียงส่วนน้อย แต่ส่วนใหญ่กว่า 90 % จะเป็นอาสาสมัครที่ดี เสียสละช่วยเหลืองานของเจ้าหน้าที่อย่างแท้จริง ดังนั้นจึงอยากฝากให้ทุกคนเมื่ออาสาเข้ามาช่วยเหลืองานของเจ้าหน้าที่แล้วก็ต้องประพฤติปฏิบัติอยู่ในกรอบ ไม่แสวงหาผลประโยชน์ซึ่งจะเป็นการสร้างความเสียหายให้กับองค์กรไม่เฉพาะตำรวจเท่านั้นแต่รวมถึงองค์กรของอาสาสมัครเองด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น