สืบเนื่องจากกรณีที่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีลักษณะอากาศเหมือนกับมีหมอกควันปกคลุมตลอดทั้งวันที่ผ่านมา (18 ก.ย.57) จากการสอบถามไปยังศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก และได้รับคำชี้แจงจากนักอุตุนิยมวิทยา ประจำศูนย์อุตุนิยมฯ ว่า ลักษณะดังกล่าวทางอุตุนิยมวิทยาเรียกว่าฟ้าหลัว หรือหมอกแดด ซึ่งเกิดจากการที่มีฝนตกต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายวัน ทำให้มีความชื้นหรือไอน้ำในอากาศสะสมอย่างต่อเนื่อง
เมื่อฝนหยุดตก เริ่มมีแสงแดดส่อง อากาศจึงร้อนขึ้น ทำให้ความชื้นกลายเป็นไอน้ำลอยสูงจากพื้นดินในระดับต่ำ แต่ยังไม่สามารถยกตัวขึ้นไปในระดับสูงได้ เนื่องจากกระแสลมอ่อน และถูกกดไว้ด้วยแรงดันอากาศที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ทัศนวิสัยหรือการมองเห็นในแนวระดับสายตาลดต่ำลงกว่าปกติ อยู่ที่ประมาณ 5-8 กิโลเมตร ไม่สามารถมองเห็นไปไกลๆ ได้ตามแนวชายฝั่ง เช่นเกาะยาว เกาะพีพี เกาะดอกไม้ เมื่อมองไปจากสะพานหิน ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อการดำเนินชีวิต แต่อาจจะมีปัญหาอุปสรรคต่อการเดินเรือในทะเลได้ในบางพื้นที่ที่ทัศนวิสัยต่ำกว่า 1 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตามนักอุตุนิยมวิทยาฯ ระบุด้วยว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นปรากฏการธรรมชาติซึ่งเท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นมีเฉพาะภูเก็ตจังหวัดเดียว และในช่วงเย็นนี้สถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว และไม่ได้มีอันตรายใดๆ แต่อาจจะมีผลในเรื่องของทัศนวิสัยในการมองเห็นเท่านั้น และเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ไม่เกี่ยวกับหมอกคันที่เกิดขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซียด้วย จึงขอให้ประชนอย่าได้ตื่นตระหนก แต่ให้เพิ่มความระมัดระวังเรื่องของทัศนวิสัยกรณีใช้ยวดยาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น