จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

รมช.ศึกษา มอบนโยบายสำรวจเด็กติดยาในสถานศึกษา



เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2556 ที่ห้องประชุมมะฮอกกานี โรงเรียนสตรีภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการมอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา ปี 2556 และการตรวจราชการติดตามการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา 


โดยมีนายไมตรี อินทุสุติ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าวต้อนรับ นอกจากนี้ยังมีนายศุภกร วงศ์ปราชญ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ ผบก.ภ.จว. นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา/มัธยมศึกษา ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สพม.สอศ.ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เข้าร่วม 


ทั้งนี้เพื่อมอบนโยบายการป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษาให้แก่ผู้บริหารทุกระดับ ให้มีการขับเคลื่อนงานอย่างจริงจัง และมีความรู้ความเข้าใจในแนวทางการนำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อการบูรณาการกับทุกภาคส่วนให้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการและเกิดการขับเคลื่อนอย่างจริงจังตลอดปีการศึกษา 2556 เพื่อให้มีการอำนวยการ กำกับ ติดตาม ในทุกระดับอย่างเป็นระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา และเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงภายใน และนอกสถานศึกษา เพื่อให้ผู้บริหารทุกระดับมีความรู้ความเข้าใจนโยบายของรัฐบาลและของศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ รวมทั้งเพื่อติดตามผลการตรวจราชการ ติดตามการดำเนินงานแผนงานที่ 3 และสรุปรายงานศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด กระทรวงศึกษาธิการ และศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ 


นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการสร้างภูมิคุ้มกัน และป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา ซึ่งทางศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด กระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข เพื่อให้สถานศึกษาปลอดยาเสพติดอย่างแท้จริงและต่อเนื่อง ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะครูประจำชั้น ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญมาก หรือเป็นพระเอกนางเอกในการป้องกันยาเสพติดในเด็กนักเรียน เพราะครูประจำชั้นเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับนักเรียนมากที่สุด และจะรู้ดีว่ามีเด็กใดบ้างที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด 


“ขณะนี้ได้มีคำสั่งไปยังสถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดกระทรวงศึกษาฯ ให้ทำการสำรวจจำนวนเด็กและเยาวชนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งในส่วนที่เป็นผู้เสพ ผู้ค้า ผู้ติดและกลุ่มเสี่ยง โดยจะต้องรายงานให้กระทรวงฯ รับทราบภายใน 7 วัน หลังเปิดการเรียนการสอน ซึ่งในการสำรวจจะต้องไม่มีการเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเด็กที่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับเด็กและโรงเรียน ทั้งนี้จะได้มีข้อมูลที่ชัดเจนในการทำงาน หลังจากได้ข้อมูลแล้วจะได้นำเด็กที่ติดยาเสพติดไปทำการบำบัด 


แต่ต้องมีการประสานและทำความเข้าใจกับผู้ปกครองของเด็กให้รับทราบและยินยอมด้วย โดยประสานความร่วมมือกับศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดระดับจังหวัดซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการฯ และสาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้บำบัด คาดว่าจะเริ่มนำเด็กที่เสพยาเสพติดเข้ารับการบำบัดตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2556 รวมทั้งได้มอบหมายให้แต่ละโรงเรียนกำหนดมาตรการดึงนักเรียนกลุ่มเสี่ยงให้ห่างไกลจากยาเสพติดด้วย” 


นายเสริมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เป้าหมายของการนำเด็กนักเรียนเข้าสู่ระบบการบำบัดนั้น เพื่อให้เด็กเหล่านั้นเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และกลับมาเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ สามารถกลับมาเรียนหนังสือได้เหมือนเดิม ซึ่งหากทำได้สำเร็จก็ถือเป็นชัยชนะ แต่เพื่อให้แน่ใจว่าสถานศึกษาหรือโรงเรียนนั้นๆ ปลอดยาเสพติดอย่างแท้ ก็จะได้มีการคณะกรรมการซึ่งจะคัดเลือกจากบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกเข้ามาทำการประเมินผล และหากพบว่าปลอดยาเสพติดอย่างแท้จริงก็จะมีการมอบธงสีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการปลอดยาเสพติด 100 % 


อย่างไรก็ตามนายเสริมศักดิ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2556 รัฐบาลมีเป้าหมายในการนำผู้เสพยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัด จำนวน 300,000 คน โดยนับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันสามารถนำผู้เสพยาเสพติดเข้ารับการบำบัดได้ประมาณ 100,000 คน ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจะเป็นส่วนหนึ่งในการนำเด็กนักเรียนที่เสพยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดเพื่อบรรลุตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ หรือหากจะได้มากกว่านั้นก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างที่ทราบยาเสพติดเป็นตัวการบ่อนทำลายทุกอย่าง และยังก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาด้วย 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น