จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ภูเก็ตร่วมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3



เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานภูเก็ต น.ส. อาภารัตน์ ชาติชุติกำจร ตัวแทนของกลุ่มที่ใช้ชื่อว่าชาวภูเก็ต พร้อมคณะ ได้ยื่นหนังสือแถลงการณ์ประชาชนชาวภูเก็ต เรื่อง คัดค้านกรณีการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ต่อนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้เดินทางมาร่วมประชุมรัฐมนตรีสภาไตรภาคียางพารา (International Tripartite Rubber Council: ITRC) ของบริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ (IRCo) 


ขณะเดียวกันก็มีตัวแทนของกลุ่มดังกล่าวประมาณ 20 คน ได้นำแผ่นป้ายซึ่งมีข้อความต่างๆ มาแสดงอยู่ด้านนอกห้องรับรองด้วย เช่น ปัญหาบ้านเมืองมีมากกว่า เรื่องรัฐธรรมนูญ, คัดค้านการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 เป็นต้น ซึ่งการแสดงออกดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยรักษาความปลอดภัยดูแลความสงบเรียบร้อยจำนวนหนึ่ง 


ทั้งนี้ น.ส.อาภารัตน์ กล่าวขณะยื่นหนังสือ ว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งประเทศ จึงมีหน้าที่รับผิดชอบต่อประชาชนทั้งประเทศ มิใช่เพียงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือสีใดสีหนึ่งเท่านั้น ซึ่งการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือกระทำการใดๆ จะต้องฟังเสียงของประชาชนเป็นหลักด้วย อีกทั้งรัฐธรรมนูญชุดนี้ก็ไม่ได้สร้างปัญหาใดๆ และเป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้รัฐบาลชุดนี้ได้ขึ้นเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาฯ นอกจากนี้อยากเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาใหญ่ทางเศรษฐกิจ คือ ปัญหาราคาปาล์มและยางพารารวมถึงปัญหาความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งคิดว่าน่าจะมีความสำคัญมากกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลพยายามอย่างหนักในเวลานี้ 


ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวภายหลังการรับแถลงการณ์ ว่า ได้แจ้งต่อตัวแทนของผู้ยื่นหนังสือว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการของฝ่ายรัฐสภาที่ดำเนินการกันอยู่ อย่างไรก็ตามเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนหรือภาคส่วนต่างๆ ของสังคม ซึ่งเสียงสะท้อนที่ได้รับในวันนี้จะนำส่งต่อไปยังคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการในขั้นตอนต่อไป เพราะโดยหลักการนั้น ซึ่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทางนายกรัฐมนรีได้ให้แนวทางชัดเจนว่า จะต้องน้อมนำกระแสพระราชดำรัสแห่งองค์พระประมุข เรื่องการสร้างความรัก สร้างสามัคคี และสร้างความเข้าใจระหว่างกันของคนในชาติ ดังนั้นเมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ ซึ่งทุกเสียงก็น่าที่จะได้รับการรับฟัง ส่วนจะการพิจารณาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ที่เกี่ยวข้อง 


“ความเห็นส่วนตัวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นชัดเจนมาตลอดว่า ถึงเวลาแล้วที่บ้านเมืองนี้จะต้องร่วมกันทำให้กติกาสูงสุดในการปกครองประเทศเป็นประชาธิปไตย โดยการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาทั้งฉบับ ภายใต้หลักการที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน คือ จะไม่ไปแตะต้องเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติอันเกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ นอกเหนือจากนั้นก็ให้มี สสร.ซึ่งจะทำหน้าที่ในการยกร่างรัฐธรรมนูญ แล้วให้ประชาชนลงประชามติ เป็นความคิดเดิมที่มีการพูดคุยกัน แต่ภายหลังจากนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงมหาดไทยไปศึกษาความเป็นไปได้หรือรูปแบบการดำเนินการ และให้รายงานให้ทราบโดยเร็วที่สุด คิดว่าคงไม่ช้าเกินไปหากจะต้องรอคำตอบจากคณะทำงานชุดดังกล่าว เชื่อว่าภายในเดือนธันวาคมนี้จะปรากฏความชัดเจน” นายณัฐวุฒิ กล่าว 


อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ประเด็นดังกล่าวจะเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีกหรือไม่ซึ่งนายณัฐวุฒิ ตอบว่าท่านนายกรัฐมนตรีหรือฝ่ายต่างๆ มีความเห็นตรงกันว่า การเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้ครบถ้วนรอบด้านเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นทั้งเสียงสนับสนุน หรือเสียงคัดค้านต่อต้านก็ตาม ซึ่งการมาภูเก็ตวันนี้มีพี่น้องจำนวนหนึ่งส่งตัวแทนมายื่นเรื่อง ซึ่งก็พร้อมรับฟังและเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น