จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ตร.คุมผู้ต้องหาปล้นร้านทองไปทำแผน



เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2555 ที่บริเวณร้านทองธเนศ 2 ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก อ.เมือง จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.จำรูญ พลายด้วง รอง ผกก.สส.พ.ต.ท.ยงยุทธกรองมาลัย สารวัตรเวรเจ้าของคดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้คุมตัวนายกฤตศักดิ์ หีตแก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/1 หมู่ 4 ต.บ้านนา อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฏร์ธานี
ผู้ต้องหาในคดีปล้นร้านทองไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา โดยคนร้ายได้ทองคำรูปพรรณไปน้ำหนักประมาณ 261 บาท มูลค่า 5,755,050 บาท ท่ามกลางประชาชนมุงดูจำนวนมาก


โดยจุดแรกทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดที่ผู้ต้องหามาดูลาดเลาบริเวณหน้าร้านทองธเนศและสำรวจเส้นทางการหลบหนี จากนั้นก็ได้นำตัวไปจุดที่ 2 บริเวณหน้าร้านทองซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์มาจอดแล้วเดินเข้าไปภายในร้าน จากนั้นคนร้ายก็ได้ชักอาวุธปืนออกมาจากเอวด้านหลัง แล้วบังคับให้พนักงานในร้านอยู่ในความสงบ ก่อนที่คนร้ายจะกระโดดข้ามเคาร์เตอร์ แล้วใช้ปืนบังคับให้คนภายในร้านเปิดตู้โชว์ ในระหว่างนั้นลูกสาวเจ้าของร้านก็ได้เอาอาวุธปืนออกมา คนร้ายก็ได้เข้าแย่งอาวุธปืนพร้อมทั้งเครื่องกระสุน แล้วกวาดทองไปจำนวน 261 บาท หลบหนีออกนอกร้านไป 


จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวผู้ต้องไปชี้จุดที่คนร้ายขับรถจักรยานยนต์หลับหนีไปหมู่บ้านอนุภาษณ์มโนรมณ์ แล้วทิ้งรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุในซอย 5/3 ก่อนว่าจ้างรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้มาส่งที่คิวรถตู้ตรงข้ามโรงแรมมนตรี ต.ตลาดใหญ่ เพื่อหลบหนี และจุดที่ 4 เป็นจุดที่ผู้ต้องหาเช่ารถจักรยานยนต์และจุดที่พักก่อนลงมือก่อเหตุใกล้สำนักงานเทศบาลป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหากลับมายังสภ.เมือง ภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 


ด้านพ.ต.ท.ยงยุทธ กรองมาลัย สารวัตรเวรสภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้เดินทางมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ต 3 ครั้ง ก่อนเกิดเหตุได้พักอยู่ที่ต.ป่าตอง แล้วเช้ารถจักรยานยนต์มาเพื่อดูลาดเลาที่ร้านทองธเนศ 2 โดยได้ขับรถวนเวียน เพื่อศึกษาเส้นทางการหลบหนีหลายรอบ เมื่อสบโอกาส ก็ได้เข้าไปปล้นได้ทองไป 261 บาท จากนั้นขึ้นรถตู้ไปยังจังหวัดสุราษฎร์ ก่อนที่จะนั่งรถหลบหนีไปอยู่ที่กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งถูกจับกุม


เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยเคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 3 ครั้ง ได้เงินกว่า 5 ล้านบาท และใช้ชีวิตสุดหรู จากนั้นก็ได้มาเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตแล้วเงินเริ่มหมด จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว จากนั้นก็ได้เดินทางไปกรุงเทพ ซื้อคอนโด ซื้อรถป้ายแดง และสินค้าเบรนด์เนมหลายหลายยี่ห้อ จนกระทั่งมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น