จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

สถิติ 6 วัน ปีใหม่ยอดตายภูเก็ตพุ่งเป็น 8 ราย



เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2556 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการจังหวัด (POC) ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมติดตามและประเมินผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต นายสันติ์ จันทรวงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต 


นายสมัคร เลือดวงหัด ผู้อำนวยการแขวงการทางจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.จิระศักดิ์ เสียมศักดิ์ ผกก.ฝอ.ภ.จว.ภูเก็ต ตลอดจนตัวแทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ปกครองจังหวัด เจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจต่างๆ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม 


ทั้งนี้ได้มีการรายงานสรุปสถิติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ในระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2555 – วันที่ 1 มกราคม 2556 รวม 6 วัน ปรากฏว่ามีอุบัติเหตุทางถนนเกิดขึ้นจำนวน 23 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 21 คน และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 คน เป็นชาย 5 คน และหญิง 3 คน โดยรายล่าสุดเหตุเกิดเวลาประมาณ 06.00 น. รถเก๋งโตโยต้าสีดำ ป้ายทะเบียน กข 9140 สตูล เสียหลักแหกโค้งที่บริเวณถนนพระบารมี (ทางลงเขาป่าตอง ฝั่งเข้าเมืองภูเก็ต) บริเวณโค้งโกคาร์ท ต.กะทู้ อ.กะทู้ โดยรถยนต์หมุนไปชนกับเสาไฟฟ้าทำให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 1 คน ส่วนผู้ขับขี่บาดเจ็บ 


ส่วนข้อมูลการบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่มีใบขับขี่ มอเตอร์ไซด์ไม่ปลอดภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขับรถเร็วเกินกำหนด เมาสุรา ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ขับรถย้อนศร แซงในที่ขับขัน และใช้มือถือขณะขับรถ มีการเรียกตรวจรวม 14,429 คัน พบการกระทำผิด 2,221 ราย ส่วนใหญ่ ไม่มีใบขับขี่ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยและไม่สวมหมวกนิรภัย ขณะที่สาเหตุและพฤติกรรมเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุมาจาก เมาสุรา ขับรถเร็ว ตัดหน้าในระยะกระชั้นชิดและไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งทั้งหมดเป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล 


นายไมตรี กล่าวว่า จากการรายงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พบว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุและจำนวนผู้บาดเจ็บในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ลดลงกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการปรับปรุงในเรื่องของวิศวกรรมจราจรซึ่งเป็นจุดเสี่ยงต่าง ๆ ส่วนของการเสียชีวิตนั้นเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมเสี่ยงส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเมาแล้วขับ ใช้ความเร็วเกินกำหนด และไม่สวมหมวกนิรภัย เนื่องจากยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเนื่องจากระยะนี้ยังมีนักท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมากจึงได้สั่งการให้มีการเฝ้าระวังต่อเนื่องออกไปอีก 7 วัน 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น