จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วัฒนธรรมร่วมทน.ภูเก็ต จัดค่ายศาสนาสัมพันธ์




เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2557 ที่ห้องประชุมโรงเรียนเทศบาลพิบูลสวัสดี อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางสมจิต สุทธางกูร รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการอบรมและเข้าค่ายเยาวชนศาสนาสัมพันธ์ ประจำปี 2557 ซึ่งทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ต จัดขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย เด็กและเยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในจังหวัดภูเก็ต ที่นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม และศาสนาคริสต์ จากโรงเรียนต่างๆ ได้แก่ โรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครภูเก็ตและโรงเรียนมุสลิม จำนวน 80 คน 


นางอุไร เลอศักดิ์อนุสรณ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การจัดโครงการเข้าค่ายเยาวชนสมานฉันท์ครั้งนี้ เทศบาลนครภูเก็ต ได้บูรณาการจัดกิจกรรมร่วมกับโครงการค่ายเยาวชนสมานฉันท์ของสำนักงานวัฒนธรรมฯ โดยได้รับการสนับสนุนกิจกรรมจากคณะกรรมการศาสนิกสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต และผู้นำศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ฮินดู และศาสนาซิกส์ ร่วมกันจัดขึ้น 


เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้และยอมรับในความแตกต่างหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม เกิดความสมานฉันท์ขึ้นใช้ในสังคม เพื่อให้เด็กและเยาวชนเกิดจิตสำนึกในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยน้อมนำหลักการเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งเพื่อให้เด็กและเยาวชนมีคุณธรรม เป็นคนดีของสังคม ร่วมกันพัฒนาประเทศให้เจริญสืบไป 


ในการดำเนินการจัดกิจกรรมเป็นการเข้าค่ายจำนวน 3 วัน 2 คืน ระหว่างวันที่ 20-22 มิถุนายน2557 โดยเนื้อหาสาระในการอบรม จะเน้นการเรียนรู้หลักปฏิบัติของศาสนาต่างๆ การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกลักษณ์ของชาติ และเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ณ ศูนย์เรียนรู้ในชุมชน ทั้งนี้นอกจากการอบรมให้ความรู้ภาคทฤษฎี การจัดเสวนา ในหัวข้อ พลังศาสนาสร้างความสมานฉันท์ในสังคมไทย แล้ว ยังมีการศึกษาดูงาน สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โครงการชุมชนบ้านน้ำใส ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา 


ขณะที่นางสมจิต กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม แต่คนในสังคมก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้นั้น คนในสังคมจะต้องเข้าใจในวิถีชีวิตที่แตกต่าง และเคารพในการดำเนินชีวิตทางวัฒนธรรมของแต่ละเชื้อชาติ ศาสนาที่แตกต่าง การส่งเสริมการเรียนรู้ในเรื่องวิถีวัฒนธรรมของคนในชาติให้แก่เด็ก และเยาวชนซึ่งจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตเป็นเรื่องที่สำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างยิ่ง 


ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักธรรมทางศาสนา และหลักการสร้างสมานฉันท์ รวมทั้งได้มีประสบการณ์การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และมีมิตรไมตรีที่ดีต่อกันระหว่างเพื่อนต่างศาสนาเพิ่มมากขึ้น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น