จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เตรียมขยายสวมหมวกกันน๊อค 100%


เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการรณรงค์สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100% ของสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต โดยมีนายธีรยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายศุภชัย โภชนุกุล นายอำเภอเมืองภูเก็ต พ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กก.ตร.สภ.เมืองภูเก็ต คณะผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทประจำ สภ.เมืองภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับพร้อมบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน และนำเยี่ยมชมห้องฉายภาพยนตร์อุบัติเหตุ บริเวณห้องประชุมชั้น 4 สภ.เมืองภูเก็ต ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อนำผู้ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมใส่นิรภัยและสวมไม่ถูกต้อง เข้าชมพร้อมอบรมให้ความรู้แทนการจ่ายค่าปรับ หลังจากมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นมา เพื่อยกระดับความปลอดภัยในชีวิตให้สูงขึ้น และลดระดับความสูญเสียจากอุบัติเหตุจราจรให้น้อยลง ตลอดจนมีจิตสำนึกและตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตเพิ่มมากขึ้น

นายถาวร กล่าวภายหลังการเยี่ยมชมและพบปะกับผู้ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ซึ่งไม่สวมหมวกนิรภัย ว่า จากที่ได้สังเกตในเชิงประจักษ์การสวมใส่หมวกนิรภัยของผู้ที่ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ตั้งแต่สนามบินภูเก็ตมาจนถึงตัวเมืองภูเก็ตปรากฏว่ามีประชาชนเกินกว่า 95% มีการสวมหมวกนิรภัย ซึ่งมีจำนวนน้อยมากที่ไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งนับว่าการจัดทำโครงการรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100% ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวและเกิดความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ประหยัดงบประมาณของภาครัฐเกี่ยวกับการดูและรักษาพยาบาลผู้ป่วยและผู้พิการ

“จากความสำเร็จดังกล่าวจึงอยากให้สถานีตำรวจภูธรอื่นๆ ได้นำโครงการดังกล่าวไปบังคับใช้ด้วยการรณรงค์ให้เกิดความจริงจัง รวมทั้งจะขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ใน 14 จังหวัดภาคใต้ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบเกี่ยวกับการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยใช้โครงการของ สภ.เมืองภูเก็ต เป็นต้นแบบและขยายความคิดทั้งในส่วนของตำรวจ ฝ่ายปกครอง และภาคประชาชน เพราะการรณรงค์ลดอุบัติเหตุและการสูญเสียจากการจราจรนั้นไม่ควรจะเน้นเฉพาะในช่วงเทศกาล แต่ควรที่จะดำเนินการต่อเนื่องตลอดทั้งปี”

นายถาวร กล่าวด้วยว่า การที่จัดให้มีการชมภาพยนตร์อุบัติเหตุนั้นนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการสร้างจิตสำนึกให้เกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายได้มากกว่า เพราะบางคนอาจจะคิดว่าจ่ายค่าปรับแล้วจบกันไป และเมื่อเกิดจิตสำนึกแล้วก็จะช่วยให้ลดการเกิดอุบัติและความสูญเสียลงได้ ต้องขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียสละ เนื่องจากในการจับกุมผู้ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีเงินค่าปรับถึง 35%


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น