เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 54 ที่กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (กก.5 บก.ทท.) ถ. เยาวราช อ. เมือง ภูเก็ต พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พร้อมด้วยพล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ผบก. ทท. ) และพ.ต.อ.วิเศษ เกตุพันธ์ ผู้กำกับการ กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ผกก.5 บก.ทท.) ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมแก๊งค์โรมาเนียและตุรกีปลอมบัตรเอทีเอ็ม
ทั้งนี้พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้จับกุมแก๊งค์ชาวโรมาเนียจำนวน 2 คน ซึ่งได้จารกรรมข้อมูลบัตรเอทีเอ็มจากประเทศแถบยุโรป นำมาทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม (บัตรเอทีเอ็ม) กดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในประเทศไทย ทำให้ประชาชนในยุโรปได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จากการจับกุมดังกล่าวทำให้เกิดการประสานกันขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย
ต่อมาทางธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการแจ้งข้อมูลจากตำรวจกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษว่า มีแก๊งค์คนร้ายชาวยุโรป จารกรรมข้อมูลบัตรเอทีเอ็มของประชาชนในประเทศอังกฤษและประเทศแถบยุโรป จากนั้นนำมาทำบัตรเอทีเอ็มปลอม แล้วนำมาใช้กดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในหลายพื้นที่ในประเทศไทย เช่น กรุงเทพมหานคร หัวหิน และภูเก็ต สร้างความเสียหายคิดเป็นเงินไทยมากกว่า 100 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลการใช้บัตรว่าถูกนำมาใช้บริเวณใดบ้าง จากนั้นจึงแจ้งข้อมูลกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังรับแจ้งก้ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และผู้เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนและจัดกำลังเข้าทำการสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งค์ดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2554 จึงสามารถจับกุม คนร้ายชาวตุรกีจำนวน 2 คนได้ที่กรุงเทพมหานคร และเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2554 สอบสวนขยายผล จับกุมชาวโรมาเนียได้อีกจำนวน 4 คน ได้ที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมของกลางบัตรเอทีเอ็มจำนวน 211 ใบ อุปกรณ์การถ่ายโอนข้อมูล และของกลางอื่น ๆ อีกหลายรายการ โดยค้นพบได้ที่ห้องพักเลขที่ 108 และ 109 โรงแรมอัซซูโร วิลเลจ ถ. ราษฎร์อุทิศ 200 ปี ต. ป่าตอง อ. กะทู้ จ. ภูเก็ต โดยตำรวจตั้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ มีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมแปลงข้อมูลในการปลอมแปลงบัตรอิเล็อทรอนิกส์, ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมอันได้มาโดยหาว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลง และนำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลางกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น