จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คนร้ายบุกจ่อยิงสาวใหญ่ คาดสาเหตุจากชู้สาว



เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2555 ร.ต.อ.วิทยา สินจำเริญ ร้อยเวรสภ.ทุ่งทอง ต.กะทู้ อ.กะทู้ ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้เกิดเหตุยิงกันภายในบ้านเลขที่ 43/46 ซ.รักชาติอุทิศ ถ.วิชิตสงคราม ต.กะทู้ อ.กะทู้ ภูเก็ต หน้าตลาดสี่กอ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้เดินทางมาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ
จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพ.ต.อ.วันชัย ปาละวัน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิตร รอง.ผกก.สส.กก.สส.ภ.จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.กิติศักดิ์ หนูผุ้ง สว.สส.ฝ่ายวิทยาการจังหวัดภูเก็ต ร.ต.อ.อรรถวัฒน์ สุวรรณรัตน์ รองสว.สส.ภ.จว.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.ภ.จว.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.ทุ่งทอง และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองกะทู้


ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ที่บริเวณชั้นล่าง พบทีวี - พัดลมเปิดอยู่ ที่บริเวณโซฟาหน้าทีวีพบกองเลือดกองใหญ่ไหลนองพื้นพบคราบเลือดเป็นกองอยู่ในห้องรับแขก แต่ไม่พบร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บ และจากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นทรัพย์สินแต่อย่างใด ไม่พบหัวกระสุนหรือปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุ โดยชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงช่วยกันนำส่ง รพ.วชิระภูเก็ต และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ นางสุมิตรา นามฟัก อายุ 55 ปี โดยแพทย์พยายามยื้อชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่เนื่องจากนางสุมิตราถูกคมกระสุนจ่อยิงเข้าขมับซ้ายหัวกระสุนตุงขมับขวา ทำให้นางสุมิตราทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในที่สุด 


จากการสอบสวนพยานที่เกิดเหตุและภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่หน้าร้านจำหน่ายวัสดุภัณฑ์หน้าซอยดังกล่าวพบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 2 – 3 คนใช้รถกระบะยี่ห้อโตโยต้าสีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบทะเบียนขับเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าบ้านของนางสุมิตรา จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 – 2 ครั้งภายในบ้าน โดยมีชายฉกรรจ์ตัวเล็กวิ่งออกมาจากภายในบ้านและวิ่งขึ้นรถกระบะที่จอดสตาร์ทเครื่องอยู่ไม่ห่างจากบ้านแล้วขับออกถนนพระภูเก็ตแก้วหลบหนีไป โดยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ร้านดังกล่าวสามารถบันทึกภาพกลุ่มคนร้ายและรถกระบะคันดังกล่าวไว้ได้ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปยังด่านตรวจภูเก็ต บ้านท่าฉัตรไชย อ.ถลาง ซึ่งเป็นด่านตรวจยานพาหนะทุกชนิดแห่งสุดท้ายก่อนออกนอกเกาะภูเก็ตเพื่อตรวจสอบรถกระบะคันดังกล่าว


จนกระทั่งช่วงเย็นทางเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสภ.ท่าฉัตรไชย อ.ถลาง สามารถสกัดจับกุมรถต้องสงสัยคันดังกล่าวได้ที่ด่านตรวจภูเก็ต จากการตรวจสอบพบผู้ต้องสงสัยนั่งอยู่ในรถ 3 คน เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบทราบชื่อคือนาย อรุณ ปาทาน อายุ 28 ปี นายสาวิต จงรักษ์ อายุ 28 ปี และนายสงวน ปูเงิน อายุ 26 ปี จากการตรวจค้นในรถพบกระเปาเสื้อผ้าใบใหญ่ 1 ใบ และทุกคนอยู่ในอาการหวาดผวาวิตกกังวล เจ้าหน้าที่ด่านตรวจจึงแจ้งให้ พ.ต.อ.วันชัย ปาละวัน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิต รองผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต เดินทางไปตรวจสอบและสอบปากคำเพิ่มเติม 


ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การภาคเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุที่เกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อในคำให้การของกลุ่มต้องสงสัยทั้งหมด เพราะภาคกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ สามารถจับภาพหนึ่งในผู้ต้องหาที่เดินอยู่ที่เกิดเหตุได้ นอกจากนั้นกล้องวงจรปิดก็ยังสามรถจับภาพรถยนต์คันที่ก่อเหตุได้อีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำอย่างเคร่งเครียด และขณะนี้เจ้าหน้าที่วิทยาการภูเก็ต ได้ตรวจเขม่าดินปืนที่มือผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน ซึ่งคาดว่าผลจะออกมาเร็วๆ นี้ 


แนวทางการสอบสวนทราบว่านางสุมิตรา (หรือเจ้ตา) นามฟัก อายุ 55 ปี เจ้าของบ้าน เคยมีสามีเป็นชาวไทยและได้เสียชีวิตแล้ว ขณะนี้ได้คบกับแฟนหนุ่มชาวอังกฤษ โดยแฟนหนุ่มชาวอังกฤษได้เดินทางมาหาอยู่บ่อยครั้ง แต่ในช่วงนี้แฟนหนุ่มชาวอังกฤษได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว โดยทุกครั้งที่แฟนหนุ่มมาเที่ยวจะมาพักที่บ้านหลังที่เกิดเหตุเพียง 2 วัน 


จากนั้นก็จะชวนผู้ตายไปนอนที่โรงแรมฯ ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายนอนพักผ่อนดูทีวีอยู่ในบ้าน ในขณะนั้นเองก็ได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน เดินเข้าไปในบ้าน แล้วใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะของผู้ตาย 1 นัด จากนั้นคนร้ายก็ได้หลบหนีขึ้นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ที่จอดรออยู่ที่ปากเข้าบ้านตรงข้ามตลาดนัด แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุในการลงมือสังหารในครั้งนี้น่าจะมาจากเรื่องชู้สาว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้ทำการสอบสวนญาติของผู้ตาย และขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้อีกครั้ง 


และในวันเดียวกัน ในช่วงเย็นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนเพิ่มเติมจนกระทั่ง ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ ว่าได้รับจ้างมาในราคา 8 หมื่นบาท โดยได้รับเงินล่วงหน้ามาแล้ว 4 หมื่นบาท โดยผู้ว่าจ้างเป็นแฟนของฝรั่งที่มาติดพันธ์ผู้ตาย เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม หลังลงมือได้เอาปืนไปทิ้งที่บริเวณถนนบายพาส


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น