เลือกภูเก็ตจัดประชุมวิชาการกระบือโลก

รศ.ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย ประธานกรรมการจัดประชุมเชิงวิชาการกระบือโลก ครั้งที่ 10 เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 6 – 8 พฤษภาคม 2556 นี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มหาวิทยาลัยขอนแก่น สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ศูนย์สารสนเทศกระบือนานาชาติ และกรมปศุสัตว์ 

จัด“การประชุมเชิงวิชาการกระบือโลก ครั้งที่ 10” ขึ้นที่โรงแรมฮิลตันภูเก็ตอเคเดียรีสอร์ทแอนด์สปา จ.ภูเก็ต เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการศึกษาและเพิ่มจำนวนกระบือ อีกทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ทำวิจัยทางด้านกระบือในประเทศต่างๆ ทั่วโลก 

การจัดประชุมดังกล่าว สืบเนื่องจากการจัดประชุมเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 และจะมีการจัดประชุมทุกๆ 3 ปี โดยหมุนเวียนไปตามประเทศสมาชิกต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งในการประชุมครั้งที่ 9 ณ เมืองบัวโนสไอยเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในระหว่างวันที่ 25-28 เมษายน 2553 ที่ผ่านมา มีการเสนอให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ 10 ในเดือนพฤษภาคม 2556 ณ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับความสนใจจากคณะกรรมการบริหารของ IBF (Internation Buffalo Federation :สมาพันธ์กระบือนานาชาติ) เป็นอย่างมาก และในการประชุมคณะกรรมการของ IBF ได้มีมติเอกฉันท์ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมและมอบให้ตนดำรงตำแหน่ง Presiden ของ IBF ระหว่างปี 2553-2556 และ ศ.ดร.เมธา วรรณพัฒน์ ดำรงตำแหน่ง Vice Presiden ของ IBF ด้วย รศ.ดร.รังสรรค์ กล่าว

โดยหัวข้อการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ วันที่ 6 พฤษภาคม Keynote Lecture และการบรรยาย Plenary วันที่ 7 พฤษภาคม เป็นการประชุมภาคบรรยายใน 10 สาขา อาทิ Physionlogy ,Reproduction ,Health ,Meat and Meat ,Products Milk and Milk Products ,Nutrition and Feeding ,Genetics and Breeding ,Socio-Economic and Sustainable ,Production and Management และประชุมกรรมการบริหารสมาพันธ์กระบือโลก วันที่ 8 พฤษภาคม เป็นการประชุมภาคบรรยายและประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมกระบือแห่งเอเซีย นอกจากนี้จะมีพิธีแจกรางวัลต่างๆ และประกาศประเทศที่จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม World Buffalo Congress และ Asia Buffalo Congress ครั้งต่อไปด้วย 

ด้านผศ.ดร.ประภา กาหยี อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวว่า นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ได้มีส่วนร่วมในการจัดงานในครั้งนี้ เพราะเป็นที่ทราบกันว่า ภูเก็ต เป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ในขณะที่พื้นฐานเดิมของจังหวัดภูเก็ตมาจากภาคเกษตรกรรม ทำสวน ทำนา ทำประมง ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เช่นเดียวกับพื้นที่ของภาคอื่นๆ แต่ด้วยความเจริญทางเศรษฐกิจที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง บวกกับศักยภาพทางด้านทรัพยากรทางธรรมชาติ ส่งผลให้จังหวัดภูเก็ตมีความโดดเด่นในด้านการท่องเที่ยวอย่างที่ทุกคนรู้จักในปัจจุบัน ผลพวงที่ตามมาคือ การประกอบอาชีพเพื่อให้สอดรับกับกระแสและความต้องการของสังคม นั่นคือ การประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยวของคนในพื้นที่ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น จนทำให้ภาคเกษตรที่เคยมีมาลดน้อยลงไป

มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ในฐานะมหาวิทยาลัยของท้องถิ่น พยายามจัดหลักสูตรการเรียนการสอนที่หลากหลาย ส่วนหนึ่งเพื่อตอบสนองความต้องการของท้องถิ่น และประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งคือ เพื่อรักษาและธำรงไว้ซึ่งความเป็นท้องถิ่นในรูปแบบต่างๆ ให้คงอยู่ โดยเฉพาะวิถีชีวิต แบบแผน วัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งได้มีการจัดทำเป็นหลักสูตรการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น เช่น คณะเทคโนโลยีการเกษตร มีหลักสูตรการจัดการทรัพยากรเกษตรเพื่อการท่องเที่ยว ทั้งนี้เป็นการบูรณาการทรัพยากรของท้องถิ่นให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ยังคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งความเป็นตัวตนของท้องถิ่น

ดังนั้นในโอกาสนี้ มหาวิทยาลัยมองว่าจะสามารถพัฒนาแนวทางในการจัดทำหลักสูตรให้มีขอบข่ายที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันการท่องเที่ยวมีรูปแบบการจัดการได้หลากหลายรูปแบบ และรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า การนำเอกลักษณ์อัตลักษณ์ของท้องถิ่นมาเป็นจุดขายให้กับจังหวัด นับว่าเป็นการสร้างโอกาสให้กับประชาชนอีกทางหนึ่ง ในขณะเดียวกันยังเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมทางการเกษตร ที่มีความสำคัญให้คงอยู่กับสังคมจากรุ่นสู่รุ่นได้ ในการจัดการประชุมกระบือครั้งนี้ จะเป็นการช่วยกันสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความสำคัญของกระบือมากขึ้น หากนำไปสู่การปรับประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของท้องถิ่น จะเกิดประโยชน์ต่อสังคมเป็นอย่างมาก ผศ.ดร.ประภา กล่าว