จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ศพส.ภูเก็ตสนธิกำลังตรวจค้นเรือนจำภูเก็ต



เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 ที่บริเวณสนามชัย (ตรงข้ามศาลากลางจังหวัดภูเก็ต) อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานปล่อยแถวกำลังในการตรวจค้นจู่โจมเรือนจำจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นการสนธิกำลังของศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดภูเก็ต (ศพส.จ.ภก.) กับตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ที่ทำการปกครองจังหวัดภูเก็ต เรือนจำจังหวัดภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 8 (ปปส.ภ.8) 


โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต, พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต, นายสุธี ศิริอนันต์ ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 8, เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, อาสาสมัครฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวม 280 นาย เข้าร่วม 


สำหรับการตรวจค้นเรือนจำดังกล่าว มีผู้ต้องขังทั้งชายและหญิงรวม 2,337 คน ได้มีการแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้นตัวผู้ต้องขัง อาคารเรือนนอน โรงงานฝึกอาชีพ งานชุมชนบำบัด โรงครัว โรงเลี้ยง สถานพยาบาล ร้านค้าสงเคราะห์ผู้ต้องขัง ตู้เก็บสัมภาระผู้ต้องขัง และบริเวณสถานที่ทั่วไปภายในเรือนจำ ทั้งแดนขังชายและแดนขังหญิง ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของต้องห้ามและสิ่งผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีการสุ่มตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดผู้ต้องขังจำนวน 201 คน ผลปรากฏไม่พบสารเสพติด


นายไมตรี กล่าวภายหลังจากตรวจค้น ว่า การสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ เข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนจำจังหวัดภูเก็ตนั้น เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งเป็นการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแบบบูรณาการ โดยนำเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนจำนวนกว่า 200 นาย เข้ามาร่วมในการตรวจค้นอย่างละเอียด ทั้งการตรวจค้นเรือนนอน ล็อกเกอร์ เบื้องต้นยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งการสุ่มตรวจปัสสาวะซึ่งก็ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใดในภาพรวมถือว่าเรียบร้อยดี ประกอบกับในส่วนของเรือนจำเองก็ได้มีการสุ่มตรวจเป็นประจำเดือนละประมาณ 15 ครั้ง


ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่า เรือนจำแห่งนี้มีความสุ่มเสี่ยงเรื่องยาเสพติดน้อยกว่าที่อื่นๆ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ความแออัดของเรือนจำ เนื่องจากเรือนจำแห่งนี้สร่งมาเป็นเวลา 100 กว่าปี สามารถรองรับผู้ต้องขังได้เพียง 787 คน แต่ปัจจุบันมีผู้ต้องขังมากกว่า 2,000 คน ซึ่งเกินขีดความสามารถถึง 3 เท่า โดยทางกรมราชทัณฑ์ได้วางแนวทางในการแก้ปัญหาแล้วด้วยการจะสร้างเรือนจำแห่งใหม่ขึ้นที่บ้านบางโจ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง และจะมีการย้ายผู้ต้องขังไปไว้ที่นั่นภายในปี 2560 


ขณะที่นายระพินทร์ กล่าวว่า ทางเรือนจำจังหวัดภูเก็ตได้มีการสุ่มตรวจการนำเข้าสิ่งผิดกฎหมายและยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่มีสิ่งผิดกฎหมายหรือสารเสพติดเล็ดลอดเข้าไปในเรือนจำ รวมทั้งการพยายามนำสิ่งของผิดกำหมาย หรือโยนสิ่งของต่างๆ เข้ามาในเรือนจำซึ่งในระยะหลังก็ไม่พบ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง แต่ที่ยังคงต้องระวังเป็นพิเศษ คือ กรณีผู้ต้องขังรายใหม่และผู้ต้องขังที่กลับมาจากการไปขึ้นศาลที่จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และสามารถจับกุมได้หลายราย ซึ่งเรือนจำจังหวัดภูเก็ตได้ประกาศให้เป็นเรือนจำสีขาวเมื่อปีที่ผ่านมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น