จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สตม.ห่วงปัญหาโรฮิงญาล้นห้องกักขัง



เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 ที่ห้องประชุมชั้น 4 ด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. ร่วมกับ พล.ต.ต.มนตรี โปตระนันทน์ และ พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต รอง ผบช.สตม. แถลงภายหลังการประชุมสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสัญจรที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ในการประชุมครั้งนี้ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ เรื่องโรฮิงญาที่ถูกควบคุมตัวไว้เป็นจำนวนมาก 


ขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 1,936 คน ในจำนวนนี้มีเด็กชาย 399 คน และเด็กหญิง 93 คน ซึ่งโรฮิงญ่าทั้งหมดได้มีการกระจายไว้ตามด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ เนื่องจากห้องกักของด่านตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ภาคใต้ไม่เพียงพอรองรับ จึงต้องแบ่งไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น บึงกาฬ จันทบุรี มุกดาหาร อุบลราชธานี ตราด หนองคาย เชียงราย เป็นต้นจังหวัดละประมาณ 80 – 100 ราย


“การดูแลชาวโรฮิงญ่าที่มีการกักตัวไว้นั้น นอกจากการจัดหาอาหารการกินแล้ว ยังดูแลเรื่องของสุขอนามัย การออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลายความเครียด และการจัดแพทย์มาดูแลตรวจร่างกายเป็นประจำ ซึ่งมีทั้งแพทย์ของ สตม.เอง และแพทย์จากโรงพยาบาลในพื้นที่ ซึ่งปฏิบัติเหมือนกันทุกด่าน เช่น ด่านระนอง ซึ่งมีชาวโรฮิงญาอยู่ในห้องกัก จำนวน 84 ราย ก็จัดให้มีแพทย์มาตรวจร่างกาย จัดหาอาหารอิสลามมาให้รับประทาน มีการออกกำลังกายคลายเครียด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีองค์กรระหว่างประเทศมาช่วยดูแลอีกส่วนหนึ่งด้วย นอกเหนือจากการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลเข้ามาดูแล” 


พล.ต.ท.ภาณุ กล่าวว่า เรื่องที่กังวลใจ คือ ห้องกัก ซึ่งต้องใช้ในภารกิจอื่นด้วย เพราะ สตม.สร้างห้องกักมาเพื่อรองรับการกักตัวชั่วคราว กรณีชาวต่างชาติที่ทำผิดกฎหมาย เพื่อส่งออกนอกประเทศ แต่กรณีของชาวโรฮิงญาเป็นการกักตัวในระยะเวลาที่ค่อนข้างนานกว่าปกติและไม่รู้เวลาสิ้นสุด ทำให้เกิดความเครียดขึ้นได้ จึงจำเป็นดูแลด้านกำลังใจให้มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับญาติพี่น้อง รวมทั้งต้องระวังกรณีที่มีผู้ถูกกักตัวเป็นชาวพม่า เพื่อป้องกันการทะเลาะเบาะแว้งกันด้วย ซึ่งทางรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศพยายามที่จะหาทางแก้ไข โดยขอส่งกลับไปยังรัฐยะไข่ที่เขาเดินทางมา หรือเดินทางไปยังประเทศที่ 3 ตามที่เขาต้องการ แต่ในช่วงที่อยู่กับเราก็ต้องดูแลให้ดีที่สุดและเป็นไปตามมีมาตรการดูแลคนเหล่านี้ตามหลักสากล


อย่างไรก็ตามกรณีการอำนวยความสะดวกคนต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในภูเก็ตนั้น พล.ต.ท.ภาณุ กล่าวว่า ในระยะนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตลดลง เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน ทำให้สนามบินภูเก็ตมียอดผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 17,000 คนต่อวัน มีจำนวนเที่ยวบินทั้งปกติและเช่าเหมาลำ 119 เที่ยวบินต่อวัน แต่ด้วยข้อจำกัดของทอมินัลส่งผลทำให้เกิดความแออัดโดยเฉพาะเมื่อมีเที่ยวบินเข้ามาพร้อมๆ กัน ซึ่งทางตรวจคนเข้าเมืองได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาเพิ่มเติมในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา และในอนาคตเมื่อการสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่แล้วเสร็จจะแก้ปัญหาดังกล่าวไปได้ 


พล.ต.ท.ภาณุ ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เปิดเสรี ดังนั้นอาจจะมีการแอบแฝงเข้ามาทำธุรกิจที่ไม่ถูกต้อง ส่วนใหญ่จะมาจากประเทศแถบยุโรป เป็นหน้าที่ของ ตม.ที่จะต้องเข้าไปสอดส่องดูแล และกวาดล้างจับกุมนำผู้กระทำความผิดเหล่านี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนกรณีของผู้ให้บริการด้านที่พักแก่ชาวต่างชาติก็จะต้องแจ้งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อใช้ในการตรวจสอบและดูแลปัญหานักท่องเที่ยวด้วย 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น