เมื่อคืนวันที่ 13 กันยายน 2556 ร.ต.ท.สมบูรณ์ มาลัย ร้อยเวร สภ.วิชิต ได้รับแจ้งจากพนักงานร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอิเลฟเว่น สาขาศักดิเดช ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน เข้าไปชิงเงินจากเคาน์เตอร์ของร้าน ขอให้เดินทางมาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุเป็นร้านสะดวกซื้อเซเว่น อิเลฟเว่น สาขาศักดิเดช สาขาที่ 2630 ของบริษัทงานหนึ่งจำกัด พบพนักงานประจำร้าน 2 คนอยู่ในอาการตื่นตกใจ และหนึ่งในพนักงานประจำร้าน คือ น.ส.นฤมล โชว์สูงเนิน ได้ให้การกับตำรวจว่า ขณะที่เกิดเหตุเป็นช่วงที่ไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ มีพนักงานอยู่ในร้าน 3 คน โดยเธอยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ขณะที่พนักงานอีกคนกำลังจัดสินค้า และอีกคนเดินไปเข้าห้องน้ำ
ระหว่างนั้นก็ได้มีชายผิวดำ อายุประมาณ 20 ปีเศษ รูปร่างสูงล่ำ ตัดผมรองทรง สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ได้เดินเข้ามาภายในร้าน และเดินเข้าไปหยิบขนมปังมาจากในชั้นวางของ จากนั้นก็เดินมาที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน โดยใช้ธนบัตรใบละ 100 บาท ซึ่งตนก็ไม่ได้ผิดสังเกตอะไร และได้รับเงินมาพร้อมเปิดช่องเก็บเงิน เพื่อจะทอนเงินตามปกติ ระหว่างนั้นคนร้ายได้ใช้มือเอื้อมข้ามมาหยิบเงินในช่องเก็บเงิน ซึ่งมีทั้งธนบัตรฉบับต่างๆ และเหรียญจากนั้นก็รีบวิ่งออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว ด้วยความตกใจและกลัวจะถูกทำร้าย จึงไม่ได้วิ่งตามออกไป และแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบดังกล่าว
ทางด้าน ร.ต.ท.สมบูรณ์ มาลัย ร้อยเวร สภ.วิชิต กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คนร้ายได้ทรัพย์สินเป็นธนบัตรฉบับต่างๆ และเหรียญไปรวมกว่า 4,924 บาท คาดว่าคนร้ายน่าจะเคยใช้บริการ หรือได้เฝ้าสังเกตการณ์ล่วงหน้าก่อนจะลงมือก่อเหตุ เพราะรู้จังหวะเวลาและเส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดี ส่วนของกล้องวงจรปิดภายในร้ายอยู่ระหว่างซ่อมแซม จึงไม่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ได้ ซึ่งก็ต้องตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียง และสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตามภายหลังเกิดเหตุชิงทรัพย์ดังกล่าว พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มในการออกตรวจตราร้านสะดวกซื้อทุกแห่ง โดยเฉพาะในจุดเสี่ยง ตลอดทั้งคืนเพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้ำอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น