จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ดึงชาวบ้านร่วมการดูแลความปลอดภัยในหมู่บ้าน



เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ค่ายลูกเสือจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อำเภอเมืองภูเก็ต โดยมีนายเสรี พาณิชย์กุล ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ นายอำเภอเมืองภูเก็ต พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง 


และผู้เข้ารับการอบรมซึ่งเป็นตัวแทนราษฎรจาก 10 หมู่บ้านในเขตอำเภอเมืองภูเก็ต หมู่บ้านละ 10 คนรวม 100 คน เข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีวิทยากรจากตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง และสมาชิก อส.ที่ผ่านการฝึกระดับหนึ่งเป็นครุฝึก พี่เลี้ยง และวิทยากรพิเศษจากที่ทำการปกครองจังหวัดภูเก็ต สำนักงานสาธารรสุขอำเภอเมือง และศพส.จ.ภก. 


นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ นายอำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ออกระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการช่วยเหลือเจ้าพนักงานของหน่วยกำลังคุ้มครองและรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างรากฐานความมั่นคงของสังคมไทย ฟื้นฟูสมานฉันท์ของคนในชาติ ลดความเสี่ยงจากผลกระทบของภัยคุกคามด้านความมั่นคงในรูปแบบใหม่ 


ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ความขัดแย้งในสังคม การทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม สาธารณภัยขนาดใหญ่ หรือโรคระบาด ในการสร้างจิตสำนึกด้านความมั่นคงที่ทำให้ประชาชนเกิดความรักและความสามัคคี มีการรวมกลุ่มจัดตั้งองค์กรภาคประชาชนในพื้นที่ บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของคน และชุมชน 


จึงได้จัดทำโครงการฝึกอบรมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวข้างต้น โดยได้มีการขัดเลือกราษฎรในพื้นที่หมู่บ้านที่ยังไม่ได้จัดตั้งเป็นหมู่บ้าน อพป.หรือหมู่บ้านตามกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่และยังไม่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จำนวน 10 หมู่บ้าน ๆละ 10 คน เข้ารับการอบรมตามที่กระทรวงมหดาไทยกำหนด หลักสูตร 3 วัน 2 คืน ในระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์นี้ 


ขณะที่นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวให้โอวาสกับผู้เข้ารับการอบรม ชรบ.ดังกล่าวว่า ในการดำเนินการต่างๆ นั้นจะต้องมีหลักคิด คือ ราชการไม่สามารถทำงานได้ฝ่ายเดียวลำพัง ซึ่งในการบริหารราชการสมัยใหม่จะต้องมีการผนึกกำลังร่วมกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ ภาคประชาชน ภาคเอกชน สิ่อมวลชน นักวิชาการ ภาคการเมือง เป็นต้น 


ภายใต้ภูมิสังคมที่มีอยู่ เพื่อประโยชน์แก่ชุมชน นอกจากนี้จะต้องรับทราบภารกิจที่จะต้องทำด้วยว่ามีอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน การดูแลสิ่งแวดล้อม ยาเสพติด ภัยพิบัติ และอื่นๆ สิ่งสำคัญคือ การข่าว ซึ่งจะต้องหูไวตาไว และสุดท้ายคือ การพัฒนาตนเองด้วยการศึกษาหาความรู้ในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและแข็งแรงให้กับตัวเองด้วยนอกเหนือจากการเสียสละช่วยเหลือสังคม 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น