จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลทัพเรือภาค 3


เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 53 ที่กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร.พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมและบำรุงขวัญกำลังพลของหน่วยงานต่างๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน และตรวจภูมิประเทศจังหวัดภูเก็ต โอกาสเดียวกันนี้ยังได้ถวายราชสักการะพระอนุสาวรีย์ พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากร เกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ รับการเคารพจากกำลังพล หน่วยต่างๆ ในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 3 ให้โอกาสและมอบเงินบำรุงขวัญให้แก่หน่วยต่างๆ พร้อมทั้งได้รับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ โดยมีพล.ร.ท.ชุมนุม อาจวงษ์ ผบ.ทรภ.3 ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน

พล.ร.อ.กำธร กล่าวภายหลังการรับฟังบรรยายสรุปของหน่วยงานต่างๆ ว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เป็นการตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญเจ้าหน้าที่และกำลังผลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ตามปกติ รวมถึงติดตามการนำนโยบายไปแปรเป็นการปฏิบัติของหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมอย่างไรบ้าง ซึ่งเท่าที่ได้รับฟังบรรยายสรุปไม่พบว่ามีปัญหาอุปสรรคอะไรมากนัก โดยสามารถปฏิบัติงานด้านต่างๆ ได้อย่างเรียบร้อย

ส่วนของนโยบายที่มอบหมายนั้น คือ จะต้องปฏิบัติภารกิจหลักให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นภารกิจในการปกป้องอธิปไตย ภารกิจในการรักษาผลประโยชน์ของชาติและรักษากฎหมาย ภารกิจในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งการฝึกร่วมและการปฏิบัติภารกิจร่วมกับต่างประเทศ เช่น การปราบปรามโจรสลัดในช่องแคบมะละกา เป็นต้น และภารกิจที่สำคัญที่สุดที่เน้นย้ำมาโดยตลอด นั่นคือ การเป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ เรือประมงที่ประสบภัยในทะเล การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ เนื่องจากพื้นที่รับผิดชอบของทัพเรือภาค 3 เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ หากประชาชนและนักท่องเที่ยวมีความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย จะทำให้มีผู้ที่ต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

พล.ร.อ.กำธร กล่าวด้วยว่า สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยทางทะเลนั้นได้มีการจัดตั้งศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ ฝั่งอันดามัน จำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่ หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต หมู่เกาะเกาะสุรินทร์ หมู่เกาะสิมิลันและเขาหลัก จ.พังงา รวมทั้งเกาะลันตาน้อย จ.กระบี่ โดยมีกำลังพล เรือ และอากาศยานพร้อมทั้งอุปกรณ์การให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา โดยเน้นการปฏิบัติงานที่เกิดขีดความสามารถของหน่วยรักษาความปลอดภัยชายหาดหรือบีชการ์ดของท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีหน่วยเฝ้าตรวจและรายงานการเคลื่อนตัวของคลื่น ที่เกาะเมียง จ.พังงา ซึ่งมีกำลังพลปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง เป็นส่วนล่วงหน้าในการส่งข้อมูล และแจ้งแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย เตรียมตัวอพยพและหนีภัยในกรณีเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ

อย่างไรก็ตามพล.ร.อ.กำธร กล่าวถึงการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว ว่า ในส่วนของทหารเรือก็ได้รับการมอบหมายให้รักษากฎหมายในเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งในระหว่างเดือนธันวาคม- เดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่คลื่นลมค่อนข้างสงบ จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่อาจจะทำให้แรงงานต่างด้าวหรืผู้ที่ต้องการเข้ามาทำงานลักลอบเข้ามาทางทะเลโดยอาศัยมากับเรือขนาดเล็กซึ่งมีเรือแม่นำมาปล่อย รวมถึงการขนส่งสิ่งของผิดกฎหมายที่อาจจะมีการลักลอบเข้ามาเช่นกัน ซึ่งหากมีการตรวจพบว่าเข้ามาโดยผิดกฎหมายก็จะต้องดำเนินการผลักดันออกไป แต่นั่นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ สำคัญคือจะต้องประกาศให้เขาได้รับทราบว่าหากเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายจะต้องถูกผลักดันกลับแน่นอน และคงไม่ได้ย้ำอะไรพิเศษ เพราะถือเป็นนโยบายที่ผู้ปฎิบัติต้องรับไปดำเนินการอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น