จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

ตำรวจโชว์หมายจับร่วมสังหาร “เอ๋ อินไซด์”



เมื่อเช้าของวันที่ 16 มกราคม 2555 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชนสิษฐ์ วัฒนวรางกูร ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต และ พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต ได้แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน 9 มม.สังหารนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยากรณ์ หรือ เอ๋อินไซด์ อายุ 44 ปี เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ต เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา เหตุเกิดที่บริเวณถนนทุ่งคา- ควนดินแดง ปากทางแยก ถ.เทพกระษัตรี ตรงข้ามศูนย์รถยนต์สยามนิสสันภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ว่า จากการสืบสวนของชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธร จ.ภูเก็ต และ สภ.เมืองภูเก็ต ซึ่งทราบว่ามีบุคคลจำหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้กระทำความผิดได้ว่ามีหมายเลขทะเบียน 202 จึงได้ตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถคันดังกล่าว พบเป็นรถเช่ามาจากพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ตรวจสอบชื่อผู้เช่าคือ นายนภดล หรือแพะ พรายศรี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/3 ถ.จอมพล ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และต่อมาได้ยึดรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาได้ โดยคนร้ายนำไปทิ้งไว้ที่บริเวณขุมน้ำ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต โดยรถคันดังกล่าวได้ถูกพ่นสีเปลี่ยนจากสีเดิมคือสีส้มขาว เป็นสีน้ำตาลแทน พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับนายนภดล ผู้ต้องหาร่วมในในการลงมือยิงแล้ว
“จากการสอบสวนเก็บรวบรวมหลักฐาน และสอบปากคำพยานอย่างละเอียด พบว่านายนภดลนั้นอาศัยและทำงานอยู่ที่ป่าตองเป็นเวลาหลายปีแล้ว และได้ไปเช่ารถมาจากคนรู้จักในพื้นที่ป่าตอง โดยไม่ได้มีการทำสัญญาการเช่า และไม่ได้นำรถไปคืน เมื่อทางเจ้าของรถติดต่อเพื่อขอรถคืนก็ได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไป จากข้อมูลจึงไม่ใช่กลุ่มซุ้มปืนแต่อย่างใด ที่ลงมือกระทำอาจเป็นเพราะคนใกล้ชิด ซึ่งมูลเหตุของการสังหารนั้นมีหลายประเด็นที่เป็นผลมาจากความไม่พอใจการนำเสนอข่าวของนายวิสุทธิ์ และยืนยันว่าไม่ใช่แพะ เนื่องจากมีพยานแวดล้อมทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุที่ชัดเจน”
พล.ต.ต.พิสัณห์ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นที่ทราบมีผู้เกี่ยวข้อง 2 คน ส่วนอื่นๆ นั้นเมื่อได้ตัวนายแพะมาแล้วก็จะคงจะมีความชัดเจนมากขึ้นว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังบ้าง
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีการแถลงข่าวทางเครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคใต้ นำโดย นายพรชัย นาคพล กรรมการบริหารฝ่ายสิทธิเสรีภาพ ทำการแทนประธานเครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคใต้ พร้อมคณะกรรมการ ได้ยื่นหนังสือเพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีให้จับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว เนื่องจากมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ต่อสังคมและความเป็นสื่อสารมวลชน และไม่ควรที่จะเกิดขึ้นในการปฎิบัติ หน้าที่ของสื่อสารมวลชน เพราะเป็นการคุกคามการทำงานของสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสารข้อมูลแก่ ประชาชนและหน่วยงานของรัฐ หลังจากนั้นทางเครือข่าย ฯ ก็ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อหนังสือให้กับนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตผ่านทางตัวแทนด้วย
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น