จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จับสาวไทยพร้อมยาไอซ์ 3 กก. มูลค่ากว่า 10 ล.


เมื่อเวลา 22.30 น ของวันที่ 13 สิงหาคม 2554 ที่ห้องประชุมด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต นางมนทิรา เชิดชู นายด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต พร้อมด้วย นายอนันต์ ศรีประเสริฐ ผู้ช่วยนายด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิตร รองผกก.สภ.ท่าฉัตรไชย และเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต

แถลงข่าวการจับกุมนางรัชนีย์ ชิตนาภรณ์ อายุ 40 ปี หมายเลขหนังสือเดินทาง S 965022 ซึ่งเป็นผู้โดยสารของสายการบินการ์ต้าแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ 624 เดินทางจากกรุงโดฮา ประเทศการ์ต้า ปลายทางท่าอากาศยานภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาไอซ์ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 3,200 กรัม หรือ 3.2 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 10.5 ล้านบาท โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อขายเกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนดและนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย เพื่อดำเนินคดีต่อไป

นางมนทิรา กล่าวว่า ตามที่นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร มีนโยบายด้านการควบคุมทางศุลกากรและปกป้องสังคมอย่างเคร่งครัด จึงสั่งการให้อรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล รองอธิบดีกรมศุลกากร และนายประยุทธ มณีโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ดำเนินการวางแผนจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบขนยาเสพติด เข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดให้โทษกับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางท่าอากาศยานภูเก็ตซึ่งมีแนวโน้มลักลอบขนยาเสพติดให้โทษสูงขึ้น
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานประจำด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น.วันนี้ (13 ส.ค.) ได้ติดตามและแสดงตัวตรวจค้นหญิงสัญชาติไทย ซึ่งมีลักษณะท่าทางพิรุธ ทราบชื่อภายหลัง นางรัชนีย์ ชิตนาภรณ์ อายุ 40 ปี ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน อยู่บ้านเลขที่ 423/1 หมู่1 ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ซึ่งเดินทางมากับสายการบินการ์ต้าจากกรุงโดฮาและปลายทางท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งจากการใช้เครื่องตรวจเอ็กซเร่ยและตรวจค้นกระเป๋าเดินทางอย่างละเอียดพบวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ใต้พื้นกระเป๋าเดินทาง ซึ่งจัดทำเป็นพิเศษยี่ห้อ Travel Mate (TM) หนักรวมสิ่งของห่อหุ้มประมาณ 3,200 กรัม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10.5 ล้านบาท เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่าไม่รู้ว่าในกระเป๋ามียาเสพติด โดยมีผู้นำมาฝากไว้เพื่อให้นำกลับมาเมืองไทย ด้วยการนำกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กของเธอบรรจุลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่และให้ถือเข้ามา
นางมนทิรา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกระบวนการค้ายาเสพติดได้มีการเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงจากเดิมใช้สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งมีการตรวจค้นค่อนข้างเข้มข้นมาเป็นท่าอากาศยานภูเก็ตแทน และในส่วนของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้รับรายงานกลุ่มประเทศเสี่ยงและบุคคลต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องในกระกบวนการค้ายาเสพติที่มีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และได้รับแจ้งว่าผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมน่าสงสัย ซึ่งหนังสือเดินทางพึ่งทำเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา และเดินทางออกจากประเทศไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม กลับเข้าประเทศไทยที่ จ.ภูเก็ต ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ จึงได้มีการตรวจค้นและพบสารเสพติดดังกล่าว เพราะก่อนที่จะมาขึ้นเครื่องที่โดฮานั้นเธอมาจากเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการจับตามองเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศจากแถบยุโรป อิหร่าน และอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นในการตรวจสอบก็ต้องระวังเป็นพิเศษด้วยเนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่จะต้องมีการอำนวยความสะดวกและไม่กระทบกับนักท่องเที่ยว การดำเนินการจึงเป็นลักษณะของการสุ่มตรวจจากรายชื่อที่ได้รับแจ้งว่าน่าจะเป็นบุคคลที่น่าสงสัย
ขณะที่นางรัชนีย์ ชิตนาภรณ์ ผู้ต้องหา ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า การเดินทางไปครั้งนี้เนื่องจากมีคนไทยที่รู้จักกันได้ประมาณ 5 เดือน ซื้อตั๋วเครื่องบินไปกลับให้และบอกว่าให้ไปเที่ยว และเมื่อไปถึงสนามบินโดฮาจะมีคนนำสิ่งของมาให้และให้ช่วยรับมาด้วย โดยที่ตนไม่รู้ว่าข้างในเป็นยาเสพติด หากรู้ก็จะไม่รับมา โดยก่อนจะเดินทางกลับมาเมืองไทยเขาก็เอากระเป๋าใบใหญ่มาให้ และเอากระเป๋าของตนซึ่งเป็นใบเล็กใส่ไว้ข้างใน เมื่อเดินทางมาถึงภูเก็ตก็จะเดินทางต่อไปยังกรุงเทพมหานครด้วยรถโดยสาร ยืนยันว่าไม่รู้เรื่องยาเสพติดที่อยู่ในกระเป๋าแต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น