จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เสริมความรู้สิทธิคนตาบอด


เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 54 ที่โรงแรมทวิน อินน์ ภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการ สัมมนานโยบายด้านสิทธิ การจ้างงาน อาชีพและการศึกษาของคนตาบอด, กิจกรรมเดินรณรงค์ไม้เท้าขาวสากล และการจัดประชุมสมัชชาคนตาบอดสาขาภาคใต้ตอนบน ซึ่งทางสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย สาขาภาคใต้ตอนบน จัดขึ้น เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายด้านสิทธิ การจ้างงาน อาชีพ การศึกษาของคนตาบอดของภาครัฐ เปิดโอกาสให้คนตาบอดแสดงความสามารถของตนเอง ประชาสัมพันธ์ให้คนตาบอดและบุคคลทั่วไปได้ให้ความสำคัญกับไม้เท้าขาว และให้คนตาบอดได้ฝึกอาชีพระยะสั้น โดยมีผู้แทนคนตาบอดประจำจังหวัด เจ้าหน้าที่ ผู้ช่วยเหลือคนตาบอด สมาชิกคนตาบอดในจังหวัดภูเก็ต สมาชิกสาขาภาคใต้ตอนบน 6 จังหวัด เข้าร่วม จำนวนทั้งสิ้น 70 คน
นายสุคนธ์ ครอบบัวบาน นายกสมาคมคนตาบอดจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า คนตาบอดส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชุมชนชนบท ขาดโอกาสที่จะได้รับการศึกษา การฟื้นฟูด้านอาชีพ และขาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงานหรือประกอบอาชีพอิสระได้ แม้ว่ารัฐบาลได้ตราพระราชบัญญัติส่งเสริมคนพิการ พ.ศ.2550 ขึ้นเพื่อคุ้มครองสงเคราะห์พัฒนาและฟื้นฟูคนพิการ และมีบัญญัติเรื่องสิทธิของคนพิการไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 รวมถึงปฎิญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการไทย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน 10 พฤศจิกายน 2541 ว่า “คนพิการมีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพในทุกระดับ ทุกรูปแบบของจัดการศึกษาตามความต้องการ ของคนพิการอย่างเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไป ทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยไม่มีข้อจำกัด กีดกันเลือกปฏิบัติ หรือข้อยกเว้นใดๆ และคนพิการมีสิทธิและโอกาสได้รับการเตรียมความพร้อมด้านอาชีพ การฝึกอาชีพ การประกอบอาชีพทุกประเภทได้รับการจ้างหรือว่าจ้างเข้าทำงานตามความต้องการและความสามารถ โดยได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการ โอกาสความก้าวหน้า รวมทั้งได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานโดยไม่มีการกีดกันหรือเลือกปฏิบัติ”
แต่เนื่องจากสังคมยังไม่มีความเข้าใจในคนพิการดีพอ คนพิการเหล่านี้มักจะถูกกีดกันออกจากสังคม ถูกรังเกียจ ถูกลิดรอนสิทธิต่างๆ บริการต่างๆ ที่จัดให้ก็ยังมีขอบเขตจำกัด โดยเฉพาะผู้อยู่ในชนบทที่ห่างไกล คนพิการนั้นมีความปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ต้องการพึ่งพาตนเอง ไม่ต้องการทำตัวเป็นภาระของครอบครัวหรือสังคม ต้องการการศึกษา ต้องการมีงานทำ มีรายได้เป็นของตนเอง ต้องการเป็นผู้ให้มิใช่เป็นเพียงแต่ผู้รับ นายสุคนธ์กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น