จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ฟังความเห็นปรับปรุงท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต


เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2554 ที่ห้องประชุมโรงแรมคาที น่า อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายกรีฑา แซ่ตัน นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต อ.เมืองภูเก็ต เป็นประธานเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อทบทวนร่างรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนในชุมชนโดยรอบโครงการท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต (การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ) ซึ่งทางบริษัท เจ้าพระยาท่าเรือสากล จำกัด ในฐานะบริษัทผู้รับสัมปทานบริหารท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตจากกรมธนารักษ์ ได้มอบหมายให้บริษัท เอส ทีเอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการศึกษารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต (การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ) โดยมีผู้นำชุมชน สาวนราชการที่เกี่ยวข้อง และประชาชนเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น
นายวัฒนชัย เรืองเลิศปัญญากุล ผู้อำนวยการท่าเรือสงขลา-ภูเก็ต บริษัท เจ้าพระยาท่าเรือสากล จำกัด กล่าวว่า ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต เป็นท่าเรือสินค้าเอนกประสงค์ มีสินค้าผ่านท่าเฉลี่ยปีละประมาณ 130,000 ตัน ส่วนใหญ่เป็นยางพารา และแผ่นไม้ MDF (Medium Density Fiber Board) โดยมีเรือสินค้าเข้าเทียบเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2 - 3 ลำ แต่เนื่องจากชายฝั่งทะเลอันดามันในปัจจุบันยังไม่มีท่าเรือที่มีน้ำลึกเพียงพอให้เรือโดยสารระหว่างประเทศเข้าเทียบได้ จึงเข้ามาใช้ท่าเรือภูเก็ตเป็นประจำจากสถิติในอดีต พบว่า หลังจากปี 2541 ปริมาณผู้โดยสารผ่านท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตลดลงอย่างมาก จากเดิมประมาณ 5 แสนคนต่อปี คงเหลือเพียงประมาณ 1.5 แสนคนต่อปี
เนื่องจากมีการสร้างท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวขึ้นมา 2 แห่ง คือ ที่ท่าเรือฉลองกับท่าเรือรัษฎาทำให้เรือท่องเที่ยวภายในจังหวัดขนาดเล็กหันไปใช้บริการท่าเรือดังกล่าวแทน เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับ แต่เรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่และเรือท่องเที่ยวระหว่างประเทศยังคงเข้ามาใช้บริการในจำนวนที่ใกล้เคียงเช่นเดิม โดยจากสถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2548-2553 มีเรือโดยสารระหว่างประเทศประมาณ 1-2 ลำ ต่อสัปดาห์ มีผู้โดยสารผ่านท่าเรือระหว่าง 122,680-212,988 คนต่อปี หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 150,000 คน
“ด้วยข้อจำกัดของท่าเรือซึ่งมีความยาวหน้าท่า 360 เมตร ลึก 10 เมตร ไม่สามารถที่จะจอดเรือขนาดใหญ่ได้พร้อมกัน และเมื่อมีเรือท่องเที่ยวเข้ามาเรือสินค้าก็ต้องทอดสมอรอ ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังไม่มีความปลอดภัย ประกอบกับท่าเรือภูเก็ตเดิมไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับผู้โดยสารจึงไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมารองรับผู้โดยสาร นอกจากนี้การใช้พื้นที่หน้าที่ร่วมกันระหว่างการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารมีความเสี่ยงในเรื่องของความปลอดภัย”
ด้วยเหตุผลดังกล่าวกรมธนารักษ์จึงได้ริเริ่มโครงการปรับปรุงท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตขึ้นใหม่ จากที่ได้เคยทำการศึกษาไว้เมื่อปี 2546 โดยปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน ประกอบด้วย สร้างหลักผูกเรือ (Berth Dolphins) จำนวน 2 ตัวพร้อมสะพานเชื่อม (Access Bridge) สร้างอาคารที่พักผู้โดยสาร ลักษณะเป็นอาคาร 1 ชั้น ขนาด 45x20 เมตร หรือมีพื้นที่ใช้สอย 900 ตารางเมตร ภายในประกอบด้วย Duty free shop, ห้องสุขา, พื้นที่ทำงานสำหรับเจ้าหน้าที่ ICQ (Immigration, Customs, Quarantine), พื้นที่นั่งพักสำหรับผู้โดยสาร,พื้นที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม,ห้องโถงและทางเดิน และพื้นที่จำหน่ายของที่ระลึก นอกจากนี้จะมีการปรับปรุงถนนทางเข้าสู่อาคารที่พักผู้โดยสารและที่จอดรถ ขนาด 8,500 ตารางเมตร รองรับรถยนต์ได้ 45 คัน และรถโดยสารขนาดใหญ่ได้ 40 คัน ขุดลอกบริเวณหลักผูกเรือใหม่ จัดทำพื้นที่สีเขียว เนื้อที่ประมาณ 650 ตารางเมตร และจัดทำระบบสาธารณูปโภคประกอบโครงการ คาดว่าจะใช้งบดำเนินการประมาณ 176 ล้านบาท นายวัฒนชัยกล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น