จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

“เฉลิม” เน้นย้ำปราบยาเสพติดร่วมมือทุกฝ่าย



วันนี้(19 มี.ค.55) ที่ห้องประชุมโรงเรียนสตรีภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมมอบนโยบายในการป้องกันอาชญากรรมและยาเสพติดให้แก่ข้าราชการตำรวจในระดับผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และหัวหน้าสถานีตำรวจทุกระดับในสังกัดตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจภูธรภาค 9 จำนวน 264 ทั้งนี้ก่อนการมอบนโยบายได้มีข้าราชการตำรวจชั้นประทวนยศ ด.ต.อายุ 53 ปีที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นชั้นสัญญาบัตร จำนวน 60 นาย มาต้อนรับและแสดงความขอบคุณด้วย

ร.ต.อ. เฉลิม กล่าวกับผู้เข้าร่วมกระชุมว่า การจะดำเนินการให้การปราบปรามยาเสพติดประสบความสำเร็จนั้นจะทำเพียงหน่วยงานเดียวคงไม่ได้ แต่จะต้องมีการบูรณาการความร่วมกันทุกภาคส่วนโดยเฉพาะในด้านการข่าว ซึ่งได้เน้นย้ำไปด้วยว่าจะต้องมีการปิดในส่วนของตะเข็บชายแดน สกัดกั้นสารตั้งต้น มีการป้องปราม การบำบัดรักษา และการปราบปรามโดยใช้หลักนิติรัฐนินิติธรรม รวมทั้งหากมีการใช้อำนาจอย่างเป้นธรรมแล้วก็จะก่อให้เกิดความศรัทาต่อประชาชนด้วย

“ขณะนี้โพลต่างๆ ชื่นชมผลงานของรัฐบาลในด้านการปราบปรามยาเสพติดอย่างมาก เพราะมีการเอาจริงกับเรื่องนี้ ทำให้ปัญหาลดลงจำนวนมาก ซึ่งการระบาดทางตะเข็บชายแดนทางภาคอีสานก็ลดลง แต่พบว่าเมื่อมีการปราบปรามอย่างหนัก กลุ่มผู้ค้าก็มีการเปลี่ยนเส้นทางการลำเลียง ขณะนี้ทางการข่าวทราบว่ามีเส้นทางใดบ้าง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายเข้มงวดในการปราบปราม นอกจากนั้นยังทราบว่าในภูธรภาค 8 หลายจังหวัดก็มีการแพร่ระบาด ก็ขอให้ทุกฝ่ายเอาจริงในเรื่องการปราบปรามด้วย”


ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า กรณียาที่ใช้เป็นสารตั้งต้นซึ่งหายไปจากโรงพยาบาลนั้นขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้ดีเอสไอเข้าไปดำเนินกาต่อแล้ว นอกจากนี้อยากฝากเรื่องของการจับกุมในรายย่อยว่าอย่าจับเพื่อทำสถิติ แต่ขอให้มีการพยายามในการกดดันเพื่อให้ผู้เสพได้เข้ารับการบำบัด เพื่อจะได้ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อดีมานท์ลดลงซัฟฟรายก็ลดตามไปด้วย ดังนั้นในการทำงานจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย”


ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวด้วยว่า ทราบว่าในส่วนของพื้นที่ภาค 8 และภาค 9 มีพื้นที่เสี่ยงอยู่หลายจุด ซึ่งเชื่อว่าผู้ปฎิบัติงานในพื้นที่ทราบเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยว ซึ่งอยากจะฝากในเรื่องของการเปิดปิดสถานบริการนั้น ก็ไม่ได้เข้มงวดจนเกินไป แต่ว่ากันไปตามความเหมาะสม เพราะหากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยนั้นต้องการมาสัมผัสในเรื่องของภูมิประเทศเป็นหลัก 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น