จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นำ 2 คนร้ายฆ่านทท.ทำแผนประกอบรับสารภาพ



เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2555 ที่บริเวณถนนกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ ที่ปรึกษา (สบ.10) พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผบก.ทท., พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และตำรวจภูธรฉลอง


รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมควบคุมตัว นายสุรินทร์ หรือริน ทัศทอง อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาเดิม อ.บ้านแผ้ว จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ จับกุมได้ที่บ้านแผ้ว จ.สมุทรสาคร กับนายสุรศักดิ์ หรือบอย หรือเอ็ม สุวรรณโชติ อายุ 26 ปี ภูมิลำเนา อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้ซ้อนท้ายและใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้ตายและบาดเจ็บ จับได้ที่ บ.น้ำพุ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ผู้ต้องหา “ร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” 


กรณีร่วมกันชิงทรัพย์ นางมิเชลล์ อลิซเบท สมิท อายุ 59 ปี สัญชาติออสเตรเลีย เสียชีวิตและนางแทมมี ลี ลิน อายุ 42 ปี ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 20 มิถุนายน 2555 ที่บริเวณถนนกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการทั้งในและนอกเครื่องแบบ จำนวน 10 ชุดๆ ละ 10 นาย และเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนอีก 1 กองร้อยรวมประมาณ 200 นาย เนื่องจากมีประชาชน พนักงานโรงแรมในพื้นที่และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ในระหว่างการทำแผนฯ มีเสียงด่าประณามและสาปแช่งตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีการนำแผ่นป้ายเขียนข้อความ ว่า “เราชาว ต.กะรน ไม่ต้อนรับคนต่างถิ่นที่มาสร้างปัญหาให้คนภูเก็ต” “อย่ากล่าวหาพวกเรา คนในพื้นที่ไม่ได้ทำ” ด้วย 


สำหรับการทำแผนในจุดแรก เป็นจุดที่นายสุรินทร์ ขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮ้อนด้า หมายเลขทะเบียน กบษ257 ภูเก็ต และมีนายสุรศักดิ์ นั่งซ้อนท้าย บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ จุดที่ 2 ผู้ต้องหาเห็นผู้ตายและผู้บาดเจ็บเดินอยู่ จึงขับรถผ่านผู้ตายลงไปถึงหน้าโรงแรมกะตะธานี ภูเก็ต บีช รีสอร์ท แล้วขับรถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่หลายรอบ จุดที่ 3 จุดที่ลงมือกระชากกระเป๋าผู้ตาย แต่ผู้ตายขัดขืน มีการยื้อแย่งกระเป๋ากัน และนายสุรศักดิ์ ชักอาวุธมีดออกมาจากเอวแทงเข้าที่บริเวณหน้าอกผู้ตาย 1 ครั้ง ก่อนที่จะฟันเข้าที่บริเวณแขนของผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ครั้ง และขับรถหลบหนีไป ซึ่งการทำแผนใช้เวลาประมาณ 30 นาที และทันทีที่ทำแผนเสร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษก็ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ออกจากที่เกิดเหตุทันที เพื่อป้องกันการถูกรุมประชาทัณฑ์ 


อย่างไรก็ตามภายหลังเสร็จสิ้นการทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ ที่ปรึกษา (สบ.10) พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้แถลงถึงการจับกุมว่า การทำแผนประกอบคำรับสารภาพดังกล่าว เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนชัดเจน จนกระทั่งนำมาสู่การขอออกหมายจับ ไม่ว่าทั้งเสื้อผ้าที่ใช้ในวันเกิดเหตุ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพผู้ต้องหาได้ถึง 6 จุด และมีพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง


แม้ว่าจะยังไม่เจอมีดของกลางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ แต่ก็ได้ให้ผู้ต้องหาวาดภาพมีดดังกล่าวไว้แล้ว ซึ่งทางกองพิสูจน์หลักฐานได้สั่งเครื่องมือตรวจหาวัตถุมาใช้เพื่อไปหามีดของกลางที่คนร้ายนำไปทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตแล้ว และต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำงาน รวมถึงประชาชนที่มาให้เบาะแส จนสามารถคลี่คลายคดีและจับกุมคนร้ายโดยเร็ว 


“จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทั้งสองราย พบว่า เคยกระทำความผิดมาแล้วหลายครั้ง โดยนายสุรินทร์เคยต้องโทษ 4 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นคดีลักทรัพย์ ลักทรัพย์นายจ้าง ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และคดียาเสพติด ในพื้นที่ภูเก็ต และเคยติดคุกมา 3 ปี ขณะที่นายสุรศักดิ์ เคยมีคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด” 


พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวนั้น ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้มีการตรวจเข้มในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งถนนทางเดิน โดยจะมีการเพิ่มกล้องวงจรปิดจากหน่วยงานของรัฐ โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น แท็กซี่ป้ายดำ เจ๊ทสกี การเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เป็นต้น โดยด่วน


ทั้งนี้ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย กล่าวว่า หลังก่อเหตุก็ได้แยกกันหลบหนี และกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมตัวได้ในที่สุด โดยนายสุรินทร์เป็นลูกจ้างทำงานอยู่ร้านจำหน่ายยางรถยนต์แห่งหนึ่งบนถนนบายพาส ขณะที่นายสุรศักดิ์ ทำงานอยู่ตามบ่อนไก่ในภูเก็ต ก่อนก่อเหตุทั้งคู่ได้ชวนไปดื่มเบียร์กันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และขับรถออกมาเรื่อยๆ เห็นนักท่องเที่ยวเดินอยู่จึงตัดสินใจลงมือ ไม่ได้หวังว่าจะได้ทรัพย์สิน หรือหากจะได้ก็ห้าสิบห้าสิบ แต่เขาขัดขืนจึงใช้มีดเพื่อที่จะตัดสายกระเป๋าให้ขาดไม่ได้ตั้งใจทำให้เสียชีวิต และขอโทษที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้น 













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น