จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ศุลกากรรวบอินเดียขนสารตั้งต้นผลิตยา



เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2555 ที่ห้องประชุมด่านศุลากากรท่าอากาศยานภูเก็ต อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายประยุทธ มณีโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 พร้อมด้วยนางมนทิรา เชิดชู นายด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต, พ.ต.อ.อัศวิน นาคสวัสดิ์ ผกก.ด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นาย KATCHI MOHAMED BUHARI AHMED อายุ 31 ปี สัญชาติอินเดีย พร้อมของกลางสารอีเฟดรีน (EPHEDRINE) มีน้ำหนักรวมประมาณ 10 กิโลกรัม
อนึ่งสารปริมาณดังกล่าวเป็นสารตั้งต้นสามารถนำไปผลิตเป็นยาไอซ์ หรือผลิตยาบ้าได้ไม่ต่ำกว่า 500,000 เม็ด ซึ่งจะทำให้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท


ทั้งนี้นายประยุทธ มณีโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ได้กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 5 สิงหาคม 2555 นาย KATCHI MOHAMED BUHARI AHMED อายุ 31 ปี สัญชาติอินเดีย ซึ่งเดินทางมากับสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 223 จากเมืองเดลี ประเทศอินเดีย และมาต่อเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิปลายทางท่าอากาศยานภูเก็ต จากนั้นก็ได้ผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสนามบินภูเก็ต เข้ามารับกระเป๋าที่สายพาน พร้อมทั้งนำกระเป๋าสัมภาระเดินทางทรงอ่อนสีน้ำตาล จำนวน 2 ใบ มาแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรภูเก็ต เพื่อเสียภาษีปากระวาง โดยภายในกระเป๋าสัมภาระจำนวน 2 ใบ มีกระเป๋าเอกสารจำนวนใบละ 10 ใบ รวม 20 ใบ


จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ยกกระเป๋าเอกสารออกมาตรวจสอบ ซึ่งกระเป๋าเอกสารดังกล่าว ไม่น่าที่จะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเกินกว่าปกติอีกด้วย ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องทำการตรวจสอบโดยละเอียด ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่พบวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 อีเฟดรีน (EPHEDRINE) ซุกซ่อนอยู่ภายในช่องลับซึ่งได้จัดทำเป็นพิเศษของกระเป๋าใส่เอกสาร น้ำหนักใบละประมาณ 500 กรัม จำนวน 20 ใบ โดยสารอีเฟดรีน (EPHEDRINE) มีน้ำหนักรวมประมาณ 10 กิโลกรัม


จึงได้นำตัวผู้ต้องมาทำการสอบสวนเพิ่มเติมก็ทราบว่า ได้มีคนว่าจ้างให้นำกระเป๋าจำนวน 2 ใบ ในราคา 5,000 เหรียญสหรัฐ ให้เดินทางมาที่จังหวัดภูเก็ต จากนั้นก็จะมีคนมารับ เพื่อไปส่งยังสถานีรถโดยสาร เพื่อนำกระเป๋าทั้ง 2 ใบเดินทางต่อไปยังอ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อเดินทางถึงก็จะมีคนมารับกระเป๋าทั้ง 2 ใบ พร้อมทั้งจ่ายค่าจ้าง โดยครั้งนี้เป็นการเดินทางเข้าภูเก็ตเป็นครั้งแรก โดยก่อนหน้าที่นี้เดินทางเข้ากรุงเทพมาแล้วประมาณ 3- 4 ครั้งแล้ว และผ่านเจ้าหน้าที่มาได้ 


เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 อีเฟดรีน (EPHEDRINE) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนดและนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 และมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบกับพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 16, 17 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 


สำหรับการจับกุมดังกล่าวเนื่องจากนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร มีนโยบายด้านการควบคุมทางศุลกากรและปกป้องสังคมอย่างเคร่งครัด จึงสั่งการให้นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล รองอธิบดีด้านการปราบปราม นายประยุทธ มณีโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 นางมนทิรา เชิดชู นายด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต ดำเนินการวางแผนจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติ จึงให้เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต เข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดให้โทษกับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางท่าอากาศยานภูเก็ตซึ่งมีแนวโน้มลักลอบขนยาเสพติดให้โทษสูงขึ้น









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น