จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แจ้งความร้องทุกข์ขอตำรวจช่วยไกล่เกลี่ย


เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2553 ที่ สภ.เมืองภูเก็ต นายณภัทร นิมุ และน.ส.นงลักษณ์ ยิกุสังข์ อยู่บ้านเลขที่ 22/97 ถนนหลวงพ่อ อ.เมือง จ.ภูเก็ต บิดาและมารดาของ ด.ช.นรากร นิมุ (ยังไม่ได้ดำเนินการขอใบแจ้งเกิด) หรือน้องภูผา อายุ 7 วัน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.ธรรมศักดิ์ พลเดช ร้อยเวร สภ.เมืองภูเก็ต ว่า แพทย์และผู้ร่วมทำคลอดบุตรชายของโรงพยาบาลเอกชน แห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต กระทำการโดยประมาททำให้บุตรชายได้รับบาดเจ็บ มีภาวะช็อค มีเลือดออกในชั้นศรีษะ กระดูกไหปลาร้าขวาหัก อาการตัวเหลือง โดยขอให้มีการบันทึกเป็นหลักฐาน และขอให้พนักงานสอบสวนทำการไกล่เกลี่ยก่อน

ทั้งนี้นายณภัทร กล่าวถึงการแจ้งความร้องทุกข์ในครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมาแพทย์ได้ทำการนัดภรรยา (น.ส.นงลักษณ์ ยิกุสังข์) มาทำคลอดที่โรงพยาบาล โดยมารอตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00 น. และเข้าห้องคลอดเวลาประมาณ 16.00 น. จากนั้นไม่นานก็คลอดบุตรชาย โดยภรรยาไม่ทราบว่าแพทย์ใช้เครื่องดูดสูญญากาศดูดเด็กออกมา แต่มาทราบภายหลังเมื่อทำคลอดเสร็จแล้ว จากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง ทางโรงพยาบาลพบความผิดปกติของเด็ก คือ ตัวซีดและมีอาการช็อก เนื่องจากมีเลือดไหลมาคลั่งบริเวณใต้หนังศรีษะ ต่อมาแพทย์เฉพาะทางเด็กที่มีหน้าที่ดูแลเด็กแรกคลอดของทางโรงพยาบาล ได้เข้ามาดูอาการและช่วยเหลือเบื้องต้น และแจ้งว่าเด็กมีอาการช็อคและโคม่า แต่ด้วยทางโรงพยาบาลไม่มีแพทย์และเครื่องมือที่จะรักษาได้ จึงส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ในเวลาประมาณ 20.00 น.วันเดียวกัน

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตแพทย์เฉพาะทางได้ทำการตรวจพบว่าเด็กมีภาวะช็อค มีเลือดออกในชั้นใต้หนังศรีษะ กระดูกไหปลาร้าขวาหัก อาการตัวเหลือง ซึ่งได้ระบุไว้ในใบรับรองแพทย์ของทางโรงพยาบาลกรุงเทพฯ และยังระบุด้วยว่าเกิดจากการทำคลอดโดยวิธีใช้เครื่องสูญญากาศ และมีค่ารักษาพยาบาลเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ จำนวน 83,287 บาท โดยลดลงมาจากยอดจริงประมาณ 20% ทั้งนี้ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งแรกนั้น มีใบแจ้งค่ารักษา 2 ฉบับ ฉบับแรกลงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2553 เป็นรายการค่ารักษารวมของภรรยา จำนวน 12,728 บาท และอีกฉบับเป็นของบุตรชาย ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2553 เป็นค่ารักษาพยาบาลจำนวน 12,827 บาท นายณภัทรกล่าว

นายณภัทร กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการติดต่อทางผู้บริหารของโรงพยาบาลเพื่อถามหาความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว มีการพูดคุยกันมาถึง 3 ครั้ง แต่ได้รับคำตอบว่าสามารถรับผิดชอบได้ในส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเท่านั้น โดยจะทำการลดค่ารักษาพยาบาลให้ ทั้งๆ ที่ค่ารักษาพยาบาลในส่วนของแม่ใช้ประกันสังคม จึงไม่มีผลแต่อย่างใด และเป็นที่น่าสังเกตว่าค่ารักษาในส่วนของลูกเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 3 – 4 ชั่วโมงเท่านั้น

สิ่งที่อยากเรียกร้องคือ ขอความเป็นธรรมและอยากให้ทางผู้บริหารรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เพราะที่ผ่านมาในการก็ได้ดำเนินการทุกอย่างตามที่แพทย์นัดหมาย ส่วนการเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ ก็เป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ผู้ดูแลเด็ก แต่ทางผู้บริหารโรงพยาบาลฯ กลับปฎิเสธความรับผิดชอบ จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ช่วยไกล่เกลี่ยก่อนว่าเป็นอย่างไรก่อนที่จะดำเนินการในขั้นต่อๆ ไป แม้ว่าในส่วนของบุตรชายขณะนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ก็ยังต้องติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด นายณภัทรกล่าว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น