จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

กมธ.ตำรวจ วุฒิสภา ลุยเกาะภูเก็ต


เมื่อวันที่ 3 กันยายน 54 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองประธานคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ คนที่สอง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการการตำรวจ ในคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา พร้อมด้วยคณะอนุกรรมาธิการการตำรวจ ได้เดินทางมาติดตามและเก็บข้อมูลภายหลังมีการร้องเรียนการเรียกรับผลประโยชน์ (ส่วย) ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีกลุ่มผู้ประกอบการร้านเทเลอร์ (ร้านตัดเสื้อ) ชาวเนปาล เข้าให้ปากคำในครั้งนี้
ทั้งนี้พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองประธานคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ คนที่สอง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการการตำรวจ ได้กล่าวว่า เนื่องจากทางคณะกรรมาธิการฯ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ ต.กะรน ว่ามีการเรียกเก็บผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ประกอบการร้านเทเลอร์ (ร้านตัดเสื้อ) ชาวเนปาลและกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าอื่นๆ โดยมีการอ้างว่านำไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องและตรวจสอบข้อเท็จจริง
“ขณะนี้ได้มีการเก็บข้อมูลจากทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องไปแล้วประมาณ 80 % คาดว่าจะสามารถรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้วเสร็จประมาณสองสัปดาห์ จากนั้นก็จะได้นำเสนอต่อวุฒิสภา เพื่อเสนอต่อรัฐบาลในการดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป ซึ่งยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย”
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีเรื่องที่ทางกรรมาธิการฯ ได้รับการร้องเรียนในส่วนของภูเก็ตเพียงเรื่องเดียว คือ เรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ดังกล่าว คิดว่าน่าจะมีความรุนแรงพอสมควร เพราะมีผู้เสียหายที่มาให้ปากคำค่อนข้างมาก ส่วนภาพรวมทั่วประเทศที่มีการร้องเรียนต่อกรรมาธิการฯ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีทั้งเรื่องที่เป็นจริงและความเข้าใจผิดกัน นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์รถบรรทุก ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ
ขณะที่นายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน อ.เมืองภูเก็ต หนึ่งในผู้ร้องกล่าวว่า เหตุที่มีการร้องเรียนเนื่องจากต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในพื้นที่ เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลแม้ว่าได้มีการร้องเรียนไปแล้วแต่ก็ยังมีผู้ไปเรียกรับผลประโยชน์อยู่อีก
อย่างไรก็ตามหนึ่งในผู้มาให้ปากคำซึ่งเป็นเจ้าของร้านเทเลอร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้มาอ้างตัวเรียกรับเงินกับผู้ประกอบการที่มีลูกจ้างที่มีคนต่างด้าวรายละประมาณ 2,000 บาท เพื่อนำไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งก็ไม่มั่นใจว่ามีการนำไปส่งจริงหรือไมท่อย่างไร สาเหตุที่เรียกเก็บก็อ้างว่าประกอบอาชีพผิดประเภท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น