เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2555 ที่ห้องประชุมปีกผีเสื้อ ชั้น 2 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต พล.ต.ต โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่อง ตัวแบบรณรงค์ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย 100 % จังหวัดภูเก็ต โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ท้องถิ่น ชุมชนเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกว่า 200 คน
ทั้งนี้เพื่อระดมความคิดเห็นจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคท้องถิ่น และชุมชน ที่ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วม MOU กันมาแล้วมาจัดเสวนาและการสนทนากลุ่ม เพื่อนำไปสร้างเป็นเครื่องมือสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชากรที่อาศัยอยู่ ในเขตอำเภอเมือง อำเภอกะทู้ และอำเภอถลาง และนำไปร่างเป็นการพัฒนาตัวแบบการรณรณรงค์ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ สวมหมวกนิรภัย 100% ในจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทยต่อไป
พล.ต.ต โชติ กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุ อัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรสูง ติดอันดับ 1-5 ของประเทศไทยมาเป็นเวลาหลายปี มีการบาดเจ็บเฉลี่ย 33-35 คน/วัน เสียชีวิต 15-16 คน/เดือน การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเทียบได้กับนักเรียนปีละ 5 ห้องเรียน หรือประมาณ 200 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 66.58 คนต่อประชากรแสนคน คิดเป็นมูลค่าเสียหายทางเศรษฐกิจปีละประมาณ 1,355-1,495 ล้านบาทหรือประมาณวันละ 3.7-4 ล้านบาท แม้ว่าอัตราการหมวกนิรภัยปี พ.ศ.2553 ในภาพรวมผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์มีมากกว่าร้อยละ 80 แต่พบว่าผู้ขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ขาดวินัยจราจร ทำให้เกิดอุบัติเหตุจราจรบ่อยครั้ง สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก ส่วนใหญ่ผู้ประสบอุบัติเหตุไม่สวมหมวกนิรภัย คิดเป็นร้อยละ 78.9
“จากการประกาศเจตนารมณ์ “ปฏิญญามอสโก” ซึ่งได้ระบุให้ทุกประเทศลดอุบัติเหตุจราจรลงร้อยละ 50 ในอีก 10 ปีข้างหน้า เป็นผลอันเนื่องมาจากองค์การอนามัยโลก เห็นว่าการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นสาเหตุที่ทำให้ประชากรโลกต้องเสียชีวิต ปีละกว่า 1.2 ล้านคน บาดเจ็บและพิการปีละกว่า 50 ล้านคน เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า สามล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 90% ของการสูญเสียที่เกิดขึ้นในประเทศที่กำลังพัฒนา และเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเสียชีวิตของพลเมืองโลก หากไม่กระทำการใดๆ ก่อนปี พ.ศ.2563”
พล.ต.ต.โชติ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในลำดับต้นๆ ของการจัดอันดับขององค์การอนามัยโลก รัฐบาลจึงได้แถลงนโยบายความมั่นคงของชีวิตและสังคม เพื่อลดอุบัติภัยและความสูญเสียจากอุบัติเหตุจราจรให้เหลือน้อยที่สุด ส่งเสริมการเรียนรู้ การเดินทาง และการใช้การขนส่งอย่างปลอดภัย โดยน้อมนำหลักการแก้ไขปัญหาการจราจรตามแนวพระราชดำรัส โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และกำหนดแผนยุทธศาสตร์จังหวัด และผลจากการสำรวจขององค์การอนามัยโลก ปี พ.ศ.2550 เรื่องการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนใน 178 ประเทศทั่วโลก พบว่า ประเทศไทยติดอันดับประเทศที่มีการเสียชีวิตสูงสุดลำดับที่ 106 โดยมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 19.6 คน ต่อแสนประชากร และมาตรการของการใช้หมวกนิรภัยนั้น ถือว่าประเทศไทยสอบตก เพราะได้เพียง 4 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น