เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2555 ที่อาคารผู้ป่วยนอก ชั้น 3 โรงพยาบาลสิริโรจน์ สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ร่วมกับโรงพยาบาลสิริโรจน์ จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการรณรงค์สวมหมวกนิรภัย ตามโครงการ สวมหมวกนิรภัยปลอดภัย 100% 24 ชั่วโมง โดยมี พ.ต.ท.เฉลิมชัย เหิรสวัสดิ์ รองผู้กำกับการจราจรสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต และนายเอกพล ธารสิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลสิริโรจน์ ร่วมลงนาม
นอกจากนี้ยังมี พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง นางศิริพร ใจบุญ ผู้อำนวยการสายการพยาบาล นางปิยรัตน์ กุลวานิช ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและเจ้าหน้าที่ ร่วมเป็นสักขีพยาน
พ.ต.ท.เฉลิมชัย เหิรสวัสดิ์ รองผู้กำกับการจราจรสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต กล่าวว่า สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้มีการรณรงค์สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100% มาตั้งแต่ปี 2553 ภายใต้แนวคิดของพ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต โดยผ่านมาประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ทั้งการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจรให้กับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงสถานศึกษาต่างๆ ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์อย่างเคร่งครัด ปรากฏว่า ได้รับความร่วมมือจากผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นอย่างดี จนทำให้จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีผู้สวมหมวกนิรภัยมากเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทยในปี 2554 เนื่องจากประชาชนมีจิตสำนึกและตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้ปี 2554-2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต จึงจัดทำโครงการ สวมหมวกนิรภัยปลอดภัย 100% 24 ชั่วโมงขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของความปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์อย่างยั่งยืนและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยยังคงมีแนวร่วมภาคีเครือข่าย และภาคเอกชน ในการร่วมกันรณรงค์อย่างต่อเนื่อง พ.ต.ท.เฉลิมชัยกล่าว
ด้านนายเอกพล ธารสิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลสิริโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาอุบัติเหตุจราจรเป็นปัญหาต่อเนื่องที่ต้องได้รับการแก้ไข เพื่อป้องกันการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งทางโรงพยาบาลฯ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง ว่าด้วยความร่วมมือในการรณรงค์สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100% ซึ่งเป็นโครงการนำร่องในปี 2553 ที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือจากบุคลากรของโรงพยาบาลฯ เป็นอย่างดี เนื่องจากทุกคนตระหนักถึงความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินบนท้องถนน รวมทั้งโรงพยาบาลฯ ได้กำหนดมาตรการบังคับทางวินัย นอกเหนือจากดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยบุคลากรจะไม่ได้รับสิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลใดๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ทั้งกรณีในเวลาและนอกเวลาทำงานหากไม่สวมนิรภัย
ขณะที่ พ.ต.อ.วันไชย กล่าวเสริมว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้ปี พ.ศ. 2554 -2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของความปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์มากขึ้นและนำไปสู่การแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนนั้นตนจึงอยากขอความร่วมมือจากทุก ๆ ฝ่ายหันมาจริงจังกับการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเฉพาะการสวมหมวกนิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายอย่างจริงจัง และไม่ต้องรอให้มีการบังคับจากเจ้าหน้าที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น