จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ผบ.ตร.ภาค 8 ติดตามคดีปล้นเงินธนาคาร



จากกรณีที่มีคนร้ายเป็นชายไทยสูงประมาณ 165 เซนติเมตร สวมเสื้อแจ็สเก็ตสีดำ นุ่งกางเกงยีนต์ สวมหมวกกันน๊อดแบบครึ่งใบ และมีหน้ากากสีดำ ถืออาวุธปืนไทยประดิษฐ์ (ลูกซองสั้น) บุกเดียวเข้าปล้นจี้ชิงเงิน จากนางสาวศศิวิมล กล้ากิจ อายุ 28 แคชเชียร์ใหญ่ของธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนเทพกระษัตรี ม.6 ถ.เทพกระเทพษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยเงินสดไปจำนวน 2 ล้าน 7 แสนบาท แล้วหลบหนีโดยรถจักรยานยนต์ไปนั้น


เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมคณะเดินทางติดตามความคืบหน้า พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และสอบปากคำพนักงานที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้บังคับ ก่อนที่จะเดินทางกลับมาประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องบรรยายสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 


พล.ต.ท.ยงยุทธ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า จากการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมคนร้ายทั้งในส่วนของตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และตำรวจภูธรภาค 8 รวมทั้งการติดตามค้นหาพยานต่างๆ ทั้งรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ การตรวจสอบกล้องวงจรปิด การตรวจสอบเส้นทางหลบหนีของคนร้าย และข้อมูลบุคคลต้องสงสัย ทำให้ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสมาแล้วว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นใคร และมั่นใจว่าสามารถจับกุมมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ในการทำงาน 


ส่วนการก่อเหตุคนร้ายลงมือคนเดียวหรือมีคนร่วมขบวนการด้วยหรือไม่นั้น ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบพฤติกรรมของคนร้ายในขณะนี้พบว่าลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียวอยู่ แต่หลังจากจับกุมแล้วจะมีผู้ร่วมขบวนการหรือไม่ก็ต้องมีการสอบสวนขยายผลต่อไป 


“คนร้ายเคยเป็นพนักงานธนาคารหรือไม่ นั้นในเบื้องต้นยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพียงแต่ขณะนี้ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสคนร้ายที่มีความชัดเจนมากขึ้น และเชื่อว่าจะสามารถจับคุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องของการป้องกันและดูแลความปลอดภัยในส่วนของธนาคารต่างๆ นั้น ก็ได้หารือร่วมกับทางผู้ประกอบการธนาคารแล้ว ขอให้เพิ่มมาตรการในการดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้น ซึ่งในส่วนของตำรวจนั้นได้เพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว และที่ผ่านมาได้มีการสั่งกำชับในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยเป็นประจำทุกวัน”


ขณะที่เรื่องของกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีไม่เพียงพอในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้นขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าจะมีการเพิ่มสถานีตำรวจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอีก 2 แห่ง คือพื้นที่ ต.กะรน และพื้นที่ ต.วิชิต ซึ่งการเพิ่มสถานีตำรวจก็จะทำให้จำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเชื่อว่าในปีงบประมาณ 2556 นี้ก็จะสามารถดำเนินการได้แล้ว 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น