เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2555 ที่ห้องจามจุรี 1 โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายชวลิต ณ นคร รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่อง “ข้อเข่า เข้มแข็ง 2555” ซึ่งทาง อบจ.ภูเก็ต โดยโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต จัดขึ้น เพื่อให้รู้เกี่ยวกับพฤติกรรมที่มีผลทำให้เป็นโรค สัญญาณเตือนว่ากำลังผจญกับข้อเข่าเริ่มเสื่อม รวมทั้งได้รับทราบถึงวิธีการดูแลรักษาข้อเข่าเสื่อม
การกายภาพบำบัดตนเองอย่างถูกวิธี และรับประทานอย่างไรเพื่อต้านโรคข้อเข่าเสื่อม โดยมีคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้สูงอายุและผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โอกาสเดียวกันนี้นางเพ็ญศรี สันติกุล เจ้าของกิจการร้านแม่จู้ของฝากภูเก็ต ได้มอบเงินบริจาค จำนวน 200,000 บาท เพื่อจัดชื้อเครื่องงอเหยียดเข่าอัตโนมัติให้แก่โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ตด้วย
นายมานพ ลีลาสุทธานนท์ ปลัด อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า เนื่องจากโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ได้ตระหนักถึงปัญหาผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี โดยพบว่า จากสถิติของผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อในไทยของมูลนิธิโรคข้อในปี 2549 ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมกว่า 6 ล้านคน และมีแนวโน้มอย่างชัดเจนว่าจะเพิ่มขึ้นอีกทุกๆ ปี ซึ่งในอดีตโรคข้อเข่าเสื่อมส่วนใหญ่จะพบในผู้สูงอายุ แต่ทุกวันนี้พบในอายุน้อยลงในกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปี และผู้ชายจะเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิง ในกลุ่มอายุมากกว่า 45 ปี ผู้หญิงจะเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย
และยังพบอีกว่า ทั้งชายและหญิงที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไปจะป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากกว่าร้อยละ 80-90 เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยเสริมหลายๆ อย่างประกอบกัน เช่น อ้วน อายุมาก การนั่งยองๆ นั่งพับเพียบบ่อยๆ นานๆ กระทำติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี หรือการได้รับบาดเจ็บที่บริเวณข้อเข่า เป็นต้น
อีกทั้งสถิติสำรวจจากการเปิดให้บริการของโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต พบว่าผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษามากกว่า 50% เป็นผู้สูงอายุ มีปัญหาเรื่องระบบกระดูกและข้อ และเป็นที่น่าสังเกตว่า โรคนี้พบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้น จึงนับว่าโรคข้อเข่าเสื่อมเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของไทย อบจ.ภูเก็ต โดย รพ.อบจ.ภูเก็ต ได้ตระหนักถึงความสำคัญของโรคดังกล่าว จึงได้มีการจัดสัมมนาเชิงวิชาการขึ้น นายมานพกล่าว
ขณะที่นายชวลิต ณ นคร รองนายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวเสริมว่า จากสถิติผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อในไทย ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกๆ ปี โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้สูงอายุที่มีธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงการสึกหรอและเสื่อมลงของร่างกาย ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีอุบัติการณ์ของการเกิดโรคมากกว่าวัยอื่นๆ และถึงแม้วิวัฒนาการทางการแพทย์จะก้าวหน้าอย่างไรก็ตาม วิธีการป้องกันและการตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองความเสี่ยง ตลอดจนการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคดังกล่าวให้ถึงกลุ่มเป้าหมายถือเป็นกลยุทธ์เชิงรุกในการดูแลประชาชนด้านสาธารณสุข เพราะจะทำให้รับทราบภาวะสุขภาพของตนเอง รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อลดภาวะเสี่ยงต่อโรค อันจะนำไปสู่การลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของตนเองในวัยเกษียณและไม่ลดปัยหาลูกหลานแบกรับค่าใช้จ่าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น