จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

“ดีเอสไอ” ลงพื้นที่ภูเก็ตตรวจทุจริตสร้างแฟลต



เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พร้อมด้วย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร และคณะ ติดตามโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง 


และโครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการตำรวจ รายการอาคารที่พักอาศัย (แฟลต ) ขนาด 30 ครอบครัว สูง 5 ชั้น จำนวน 163 แห่ง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรับฟังบรรยายสรุปโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย สภ.ทุ่งทอง อ.กะทู้, สภ.กะทู้ อ.กะทู้ และ สภ.ถลาง อ.ถลาง โดยมี พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย รอง ผบก.ภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับพร้อมบรรยายสรุป 


โดยพล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของกองบังคับการจังหวัดภูเก็ตได้รับงบประมาณในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจ รายการอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) ขนาด 30 ครอบครัว สูง 5 ชั้น จำนวน 3 แห่ง คือ สภ.ทุ่งทอง, สภ.กะทู้ และสภ.ถลาง ในวงเงินแห่งละ 22.7 ล้านบาทเศษ ซึ่งได้มีการหยุดการก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน


ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การหยุดก่อสร้างดังกล่าว เนื่องจากได้มีหนังสือแจ้งจากทางตำรวจภูธรภาค 8 ให้ระงับการก่อสร้างก่อนเพื่อตรวจสอบมาตรฐานอาคาร ด้วยเกรงว่าจะไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งหลังจากหยุดการก่อสร้างได้มีวิศวกรของสำนักงานส่งกำลังบำรุง และมีเจ้าหน้าที่จากโยธาธิการและผังเมืองภูเก็ตร่วมตรวจสอบด้วย แต่ผลการตรวจสอบไม่ได้แจ้งมายังตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ต่อมาทางตำรวจภูธรภาค 8 ก็มีหนังสือแจ้งให้ให้มีการดำเนินการก่อสร้างต่อไป พร้อมขยายเวลาออกไป 180 วันเนื่องจากปัญหาอุทกภัย และได้รับการขยายเวลาจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2556 โดยรายละเอียดของสัญญาต่างๆ จะอยู่ที่ตำรวจภูธรภาค 8 ทั้งหมด 


พล.ต.ต.โชติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภูเก็ตไม่มีการก่อสร้างในส่วนของอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) แต่มีการขยาย สภ.ใหม่ 2 แห่ง คือ สภ.กะรนกับ สภ.วิชิต เมื่อของเก่า 396 แห่ง ยังไม่เรียบร้อยของใหม่จึงไม่มีงบประมาณในการดำเนินการ ซึ่งจะเป็นความเดือนร้อนของเจ้าหน้าที่ที่ไปอยู่ สภ.ใหม่ เนื่องจากต้องไปใช้อาคารที่ทำการชั่วคราว กรณีที่พักข้าราชการตำรวจซึ่งทุกคนก็มีความหวัง เพราะค่าเช่าที่พักในภูเก็ตจะมีราคาสูง แม้กระทั่งตำรวจภูธรภาค 8 ที่จะมีการย้ายกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มาอยู่ที่ภูเก็ตก็ยังไม่ต้องการมาอยู่เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เมื่อแฟลตทั้ง 3 อาคารไม่เสร็จทำให้ยังเดือดร้อนจากการเช่าที่พักในราคาสูง 


ด้านนายธาริต กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากทาง กรรมาธิการป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร และดีเอสไอร่วมกันตรวจสอบกรณีที่มีการร้องเรียนว่าผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการดังกล่าวได้ทิ้งงาน ทำให้การก่อสร้างล่าช้าไม่เป็นไปตามกำหนด ซึ่งเป็นการผิดสัญญาและถือเป็นคดีเพ่งแล้ว ยังจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีการดำเนินการที่อาจจะเข้าข่ายความผิดทางอาญาหรือไม่ 


“จากการที่ได้มีโอกาสพบปะกับทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้เรียนไปแล้วว่า ดีเอสไอทำงานด้วยความระมัดระวัง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน เหมือนพี่น้องและที่ผ่านมามีการทำงานด้วยความราบรื่น ซึ่งการดำเนินการในเรื่องนี้เนื่องจากมีการร้องเรียนและมีการส่งไม้มาจากทาง กรรมาธิการ ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร เพราะพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือกฎหมายฮั้ว เป็นฐานความผิดของดีเอสไอ จึงจะต้องมีการดำเนินการมิเช่นนั้นจะไม่มีหน่วยใดรับผิดชอบในเรื่องนี้”


นายธาริต กล่าวอีกว่า ตามข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ทางพื้นที่ โดยเฉพาะตำรวจภูธรพื้นที่และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดไม่ได้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการบริหารสัญญาใดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจรับ การดูแลว่ามีการดำเนินการตามสัญญาหรือไม่ โดยทางส่วนกลางไม่ได้มีการมอบหมายภารกิจในส่วนนี้มาแต่ประการใด แต่เป็นหน้าที่หลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในส่วนของฝ่ายส่งกำลังบำรุงรับผิดชอบในเรื่องสัญญา จะมีเกี่ยวข้องกับภูมิภาคบ้างก็ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 8 ที่เข้ามาเป็นกรรมการตรวจรับและเข้าใจว่าเป็นกรรมการร่วมกับทางส่วนกลาง ซึ่งก็จะมีการตรวจสอบกันต่อไป ส่วนเรื่องของปัญหาความเดือดร้อนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว 


อย่างไรก็ตามนายธาริต ยังกล่าวด้วยว่า การบริหารสัญญาโครงการ ซึ่งะมีการบอกเลิกสัญญาหรือจะดำเนินการอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของทางตำรวจ โดยในส่วนดีเอสไอจะมุ่งเฉพาะคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการฮั้วเท่านั้น และจากข้อมูลเบื้องต้น พบว่าสาเหตุหลักของปัญหาที่พบ น่าจะเป็นประเด็นที่มาจากการรวมสัญญา และให้ส่วนกลางรับผิดชอบทั้งโรงพักทดแทนและแฟลต ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ และวิธีปฏิบัติ


เนื่องจากเพียงบริษัทเดียวซึ่งไม่มีศักยภาพมากนักในการรับผิดชอบโดยไม่มีการจ้างผู้รับเหมาช่วงซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นเรื่องของทางฝ่ายการเมืองที่กำกับดูแล ไม่ใช่เรื่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายประจำ ฉะนั้นอยากให้เข้าใจในพื้นฐานข้อมูลด้วย และอย่าไปมุ่งว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ดูแล เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างมีความชัดเจนว่าเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายรัฐบาลที่กำกับดูแลและเป็นต้นเหตุของเรื่อง ซึ่งรายละเอียดที่ชัดเจนทางดีเอสไอก็จะได้เร่งดำเนินการตรวจสอบต่อไป 


ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและรองประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นการปล้นโรงพักและแฟลตตำรวจ และต้องมีไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารในอดีต และถือเป็นมรดกบาปของ สตช. เท่าที่ตรวจสอบไม่มีที่ใดสร้างแล้วเสร็จ และพบว่าจะส่อไปในทางทุจริตค่อนข้างชัดเจน 


อย่างไรก็ตามหลังจากรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลต่างๆ แล้วนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมคณะได้ลงตรวจสอบพื้นที่ที่มีการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) ทั้ง 3 พื้นที่ พบว่าในส่วนของโครงสร้างอาคารนั้นได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วประมาณ 30-40% โดยผู้รับเหมาได้หยุดดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2555 แม้ว่าจะมีการต่อสัญญา แต่ไม่พบว่ามีการเข้าก่อสร้างแต่อย่างใด จึงเป็นลักษณะของการทิ้งงาน 


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น