จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ไทย-จีนประชุม “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”



เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2556 ที่ห้องประชุมนาคา โรงแรมกะตะธานี ภูเก็ต บีช รีสอร์ท ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกับ National Natural Science Foundation of China (NSFC) และศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต (PMBC) จัดการประชุมวิชาการร่วมไทย-จีน ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 3 ( The Third China- Thailand Joint Seminar on Climate Change)

 

โดยมี ศ.นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการ สกว.เป็นประธานฝ่ายไทย และนายเว่ย ลี (DR. Wei Li) ผู้จัดการ โครงการ NSFC เป็นประธานฝ่ายจีน นอกจากนี้ยังมีนายอุกกฤต สตภูมินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต ตลอดจนนักวิจัย จาก สกว.และ NSFC เข้าร่วม

ซึ่งการประชุมวิชาการดังกล่าวจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28-29 ตุลาคมนี้ โดยในงานประชุมประกอบด้วยการบรรยายพิเศษในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมการนำเสนอผลงานวิจัยของนักวิชาการไทย และนักวิชาการจีน


รศ.ดร.อำนาจ ชิดไธสง ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานด้านโลกร้อน สกว. กล่าวว่า การจัดประชุมวิชาการร่วมระหว่าง ไทย – จีน ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้งานวิชาการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระหว่างนักวิชาการไทยและนักวิชาการสาธารณรัฐประชาชนจีน


ตลอดจนร่วมระดมความคิดเห็นความสนใจทางวิชาการและความเชี่ยวชาญที่เป็นประเด็นวิจัยที่เป็นความสนใจร่วมกัน เนื่องจากประเทศไทยและจีน อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน จึงสามารถที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ซึ่งกันและกันได้ โดยที่ผ่านมาประเทศจีนได้ทำการศึกษาวิจัยในเรื่องดังกล่าวไปเป็นจำนวน ทำให้นักวิจัยไทยสามารถเรียนรู้จากนักวิจัยของประเทศจีนได้ เนื่องจากอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน


“การประชุมร่วมไทย-จีนนั้น กำหนดจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพ และในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เน้นการพัฒนาทางด้านวิชาการ และองค์ความรู้ให้แก่ทีมวิจัย พร้อมทั้งสร้างเครือข่าย ในการพัฒนาความรู้ในด้านต่าง ๆ ซึ่งการประชุมร่วมกันในครั้งนี้ เน้นความร่วมมือและเรียนรู้เกี่ยวกับการเกิดมรสุม และเตรียมการรับมือเป็นหลัก”


รศ.ดร.อำนาจ กล่าวด้วยว่า จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ผ่านมา พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงและแปรปรวนอย่างต่อเนื่อง และเนื่องด้วยประเทศไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม ดังนั้นจำเป็นที่เกษตรกรจะต้องมีการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของสภาพภูมิอากาศเพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพต่อไป ในขณะเดียวกันในส่วนของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องก็จะต้องให้ความรู้กับเกษตรกร เพื่อลดปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น