จำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

จังหวัดภูเก็ต เดินหน้าแก้ปัญหาแท็กซี่ป้ายดำ



เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เป็นภัยต่อการท่องเที่ยว (ศปอท.) จังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 6/2556 เพื่อติดตามความคืบหน้าการทำงานของหน่วยงานต่างๆ 


โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงษ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ่มเจริญ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธีรยุทธ์ประเสริฐผล ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต นางเยาวภา พิบูลย์ผล จัดหางานจังหวัดภูเก็ต นายนิมิต ฆังคะจิตร พัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจท่องเที่ยว ท่าอากาศยานภูเก็ต ฝ่ายปกครอง เป็นต้น 


ทั้งนี้ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวว่า การบูรณาการทำงานของจังหวัดภูเก็ต กับศูนย์ ศปอท.นั้น ได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ การเข้าไปสนับสนุนการทำงานของส่วนกลาง ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตจัดตั้งทีมเคลื่อนที่ออกดูแลและรับทราบปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับนักท่องเที่ยว ประการถัดมาเป็นการสร้างความเข้าใจกับกลุ่มต่างๆ ที่บริการนักท่องเที่ยว เช่น มัคคุเทศก์ เจ็ทสกี แท็กซี่ป้ายดำเป็นต้น และการสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กร ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการหรือนักท่องเที่ยวหากมีปัญหาจากการใช้บริการหรือการให้บริการของกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ็ทสกี แท็กซี่ป้ายดำหรืออื่นๆ สามารถติดต่อแจ้งมูลมาที่ผู้ว่าฯ ตรง ซึ่งหากมีเป้าหมายที่ชัดเจนก็จะทำให้การเข้าไปแก้ปัญหาต่างๆ ได้ตรงจุดและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น 


ขณะที่ พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้ตั้งทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นมา เพื่อออกตรวจตราดูแลนักท่องเที่ยวตามชายหาดและจุดต่างๆ ที่มีการรวมตัวของนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันก็ได้มีการแจกใบปลิวประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้กับนักท่องเที่ยวได้รับทราบว่าหากเกิดปัญหาขึ้นสามารถแจ้งได้ที่ใด ส่วนกรณีของกลุ่มมาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลนั้น จากข้อมูลของตำรวจ พบว่าไม่มีกลุ่มมาเฟียขนาดใหญ่ 


เป็นเพียงกลุ่มที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป ซึ่งต้องยอมรับว่า การจะปราบปรามกลุ่มดังกล่าวให้หมดไปนั้นคงไม่สามารถทำได้ทันที เพราะเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน ดังนั้นแนวทางแก้ปัญหาก็จะใช้วิธีการเข้าไปพูดจาทำความเข้าใจมากกว่าที่จะบังคับใช้กฎหมายในทันที เช่นกรณีปัญหาที่จอดรถบริเวณถนนทวีวงศ์ (ชายหาดป่าตอง) และถนนอื่นๆ ซึ่งจะมีการขอคืนพื้นที่บางส่วนเพื่อเป็นที่จอดรถสาธารณ โดยจะมีการเชิญผู้ประกอบการรถเช่ามาชี้แจงทำความเข้าใจ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ 


ทางด้านนายจำเริญ ทิพญพงษ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่ากรณีเอกชนที่มีปัญหากับแท็กซี่ป้ายดำ ซึ่งไม่ยินยอมให้รถจากที่อื่นเข้ามารับแขกในโรงแรมหรือปัญหาอื่นๆสามารถแจ้งข้อมูลมาได้โดยตรงที่ตนหรือผู้ว่าฯ เป็นเรื่องๆ ไป เพื่อทางจังหวัดจะได้เข้าไปแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ เช่น กรณีแท็กซี่ป้ายดำบริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งที่หาดราไวย์ ไม่ยินยอมให้นักท่องเที่ยวใช้บริการรถรับจ้างจากที่อื่นออกจากโรงแรม และนักท่องเที่ยวติดอยู่ในรถนานเกือบ 2 ชั่วโมง 


ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นอัยการ และได้คุยกับอัยการแล้วว่าต้องการให้เป็นคดีตัวอย่างที่แท็กซี่ป้ายดำกระทำกับนักท่องเที่ยวแล้วจะต้องได้รับการลงโทษ เป็นต้นนอกจากนี้กรณีที่โรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณชายหาดกะตะน้อย ร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรมฯ ว่าถูกแท็กซี่ป้ายดำก่อกวน ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน ไปดำเนินการแล้วเช่นกัน 


ส่วนของนายธีรยุทธ์ ประเสริฐผล ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต รายงานว่า หลังจากที่ได้ร่วมกับทาง ดีเอสไอ. มีการกดดันจับกุมรถแท็กซี่ป้ายดำบริเวณสนามบินภูเก็ต และจุดอื่นๆ ในภูเก็ต โดยมีการปรับสูงสุด 2,000 บาทปรากฏว่า ขณะนี้มีแท็กซี่ป้ายดำมาจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายแล้ว 1,303 คัน จากที่มาขึ้นทะเบียนไว้ 2,882 คัน และคาดว่าภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ตัวเลขน่าจะเพิ่มกว่า 50% นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้าทางขนส่งฯ ได้เชิญหัวหน้าคิวรถรับจ้างในพื้นที่ถลางทั้งหมด มาประชุมเพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ เช่น ราคาค่าโดยสาร จุดตั้งคิว การแต่งกาย เป็นต้น 


อย่างไรก็ตามพ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการกับผู้ต้องหาที่มีการจับกุมบริเวณคิวรถห้างเซ็นทรัล 2 ราย ว่ามีการดำเนินการในความผิด 2 มาตรา คือ ม.337 เรื่องของการกรรโชก กับ มาตรา 309 ความผิดต่อเสรีภาพ ซึ่งพนักงานสอบสวนของกองปราบฯ ได้ส่งเรื่องให้อัยการแล้ว ขณะที่อัยการได้ขอให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในส่วนของความผิดต่อเสรีภาพ ซึ่งจะมีการเชิญพยานไปสอบปากคำในสัปดาห์หน้า 


นอกจากนี้ทางปลัดอาวุโสอำเภอเมืองภูเก็ต ได้ตั้งข้อสังเกตการณ์จับกุมหัวหน้าคิวรถแท็กซี่เซ็นทรัลฯ ว่า คิวดังกล่าวเป็นคิวแรกที่มีการเข้าร่วมโครงการจัดระเบียบกับจังหวัด แต่ในการดำเนินการอาจมีผู้ไม่ชอบและไม่ต้องการเข้าระบบจึงมีการร้องเรียน จึงอยากฝากพิจารณาในประเด็นนี้ด้วย เพราเกรงว่าหากไปดำเนินการที่คิวอื่นๆ ก็จะมีปัญหาตามมาอีก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น